กระดานสุขภาพ

สอบถามเรื่องแอลคาเนทีลค่ะ
Anonymous

12 ธันวาคม 2558 03:54:50 #1

แอลคาเนทีนสามารถทานพร้อมยาคุมได้หรือไม่ และ ต้องห่างกันกี่ชม คะ
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.76 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

23 ธันวาคม 2558 15:50:30 #2

เรียน คุณ 65bf9,

จากที่ได้สืบค้นข้อมูลไม่พบว่ามีปฏิกิยาระหว่างกัน แต่เป็นการรับประทานยาแยกมื้อกันอยู่แล้วนะครับ โดย คาร์นิทีน ทางการแพทย์ที่ได้มีการทดลองใช้ คือแนะนำให้รับประทานช่วงเช้า หลังอาหาร แต่

- ยาคุมกำเนิดควรเป็นเวลาก่อนเข้านอน เพื่อให้ใกล้เคียงกับฮอร์โมนธรรมชาติ ป้องกันการลืมรับประทานยา และลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน

- ให้รับประทานยาทุกชนิดด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (รวมถึงชาเขียว) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการกำจัดยา สร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพิ่มขึ้น จึงกำจัดหรือเผาผลาญยาได้มากและเร็วขึ้น จึงอาจไม่ได้ผลในการรักษา เช่น น้ำส้มคั้น น้ำเกรปฟรุต น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี เป็นต้น

ขออนุญาตให้ข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งมีกลไกแตกต่างกัน เช่นการรับประทานยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะส่งผลให้ร่างกายมีการเก็บกลับเกลือและน้ำเข้าสู่ร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล ช่วยให้แตกต่างระหว่างเพศชายและเพศหญิง ดังนั้นจึงควรลดการรับประทานอาหารเค็ม หรือมีเกลือโซเดียมมาก เช่น น้ำปลา กะปิ หรือแม้กระทั่งผงชูรส หากไม่ควบคุมปริมาณเกลือโซเดียม การควบคุมน้ำหนักก็จะไม่ได้ผล นอกจากนี้ยังส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

ส่วนคาร์นิทีนที่คุณคิดจะซื้อมารับประทาน เป็นกรดอะมิโนจำพวกหนึ่ง ที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง หรือได้รับจากเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง นม และธัญพืชจำพวกถั่ว ดังนั้นหากคุณรับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่ได้เคร่งมังสวิรัติ โอกาสน้อยที่จะขาดสารอาหารจำพวกนี้ครับ ในทางการแพทย์ไม่พบว่าคาร์นิทีนมีผลในการลดน้ำหนัก มีแต่เพียงว่าผู้ที่ขาดกรดอะมิโนนี้เซลล์กล้ามเนื้อจะไม่สามารถดึงไขมันไปใช้เป็นพลังงานได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาคือ คุณไม่ได้มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน หากคุณเป็นผู้ที่ชอบรับประทานอาหารจำพวกแป้ง มีรสหวานจัด
คาร์นิทีนก็ไม่ได้ส่งผลช่วยในการดึงไขมันไปใช้เป็นพลังงานได้ หรือหากคุณชอบรับประทานอาหารไขมันสูง เซลล์ร่างกายก็ไม่สามารถใช้พลังงานได้หมด ก็สะสมเป็นไขมันในร่างกายอยู่ดี

ขอแนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้ ที่มีรสไม่หวานจัด ลดอาหารจำพวกแป้งผ่านการขัดสี เปลี่ยนเป็น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต

- โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ควรเลือกเป็นชนิดย่อยง่าย ไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลาทะเล เนื้อไก่ไม่เอาหนัง

- ปรับสัดส่วนอาหารให้ค่อย ๆลดลงจากเดิม สัปดาห์ละ 10 เปอร์เซ็นต์ เช่นเมื่อก่อนเคยรับประทานพูนจาน ก็เป็นรับประทานค่อนจาน โดยให้เป็นผักอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนที่ดี 25 เปอร์เซ็นต์ ข้าว/ธัญพืชอีก 25 เปอร์เซ็นต์

- เลือกวิธีการนึ่ง ต้ม มากกว่าการอบ หรือทอด

- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ และ วันละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดี ช่วยในการเผาผลาญไขมัน ป้องกันไขมันไม่ให้มาแทรกจนเกิดเนื้อเหลว ผิวเปลือกส้ม ช่วยกำจัดของเสียออกทางเหงื่อ

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรเข้านอนดึกเกิน 23.00 น. เนื่องจากช่วงเวลาที่ร่างกายหลับสนิท 01.00-02.00 น. จะเป็นช่วงที่ต่อมใต้สมองมีการหลั่งฮอร์โมน Growth Hormone ที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โดยเฉพาะคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยไม่ให้ผิวเหี่ยวย่น แก่กว่าวัย การเข้านอนดึก จะทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด ต่อมหมวกไตจะมีการสร้างคอร์ติซอล ที่เป็นสารแห่งความเครียด จำพวกสเตียรอยด์ ช่วยกักเก็บสารอาหารจำเป็น เช่น น้ำตาล เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เกลือโซเดียม - ความดันโลหิตสูง แคลเซียม - ออกจากกระดูก ทำให้กระดูกบาง พรุน นอกจากนี้ยังสลายคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อดึงโปรตีนมาใช้ และยังทำให้เซลล์สมอง เกิดการหดตัว การเชื่อมต่อข้อมูลลดลง เสี่ยงต่อการเกิดการมึนงง ความจำระยะยาวไม่ดี
ดังนั้น การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลขึ้นอยู่กับพฤติกรรมสุขภาพของคุณด้วย ดังที่ว่า You are what you eat. กินอาหารไม่ดี คงไม่ได้สุขภาพที่ดีตอบแทนนะครับ ไม่จำเป็นต้องหาซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานให้สิ้นเปลือง โดยไม่มีความจำเป็น และผลการตอบสนองขึ้นกับแต่ละบุคคล ไม่มีการรับรองทางการแพทย์

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ข้อมูลอ้างอิง

-https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%99#.E0.B9.80.E0.B8.9E.E0.B8.B7.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A9.E0.B8.B2.E0.B8.AD.E0.B8.B2.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.A0.E0.B8.B2.E0.B8.A7.E0.B8.B0.E0.B8.AE.E0.B8.AD.E0.B8.A3.E0.B9.8C.E0.B9.82.E0.B8.A1.E0.B8.99.E0.B8.98.E0.B8.B1.E0.B8.A2.E0.B8.A3.E0.B8.AD.E0.B8.A2.E0.B8.94.E0.B9.8C.E0.B9.83.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.A5.E0.B8.B7.E0.B8.AD.E0.B8.94.E0.B8.AA.E0.B8.B9.E0.B8.87

- http://www.webmd.com/vitamins-supplements/ingredientmono-1026-l-carnitine.aspx?activeingredientid=1026&activeingredientname=l-carnitine

- http://www.everydayhealth.com/drugs/l-carnitine

- http://www.lovefitt.com/healthy-fact/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%99-l-carnitine-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99/