กระดานสุขภาพ

การกินยาคุมและผลลัพธ์
Amar*****i

12 กรกฎาคม 2558 03:51:06 #1

คือกินยาคุมเม้ดเเรกวันที่ประจำเดือนมาเลย คือตอนนี้ก้ทานมาเรื่อยๆ ทานตรงเวลานะค่ะ ช้า เร้ว ไม่เกือน 5 นาที อยากสอบถามเรื่องยาที่กิน โดยปรกติกินเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง แล้วถ้าตอนเย็นมีการดื่มนม น้ำผลไม้ แอกอฮอลล์จะมีส่วนไปล้างยาที่กินไปรึป่าวค่ะ ??? แล้วยาคุมจะมีผลคุมที่ดีจะต้องทานติดต่อกันกี่แผงค่ะ เพราะมีพี่บอกมาว่าต้องแผงที่4 ถึงจะคุมได้???
อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.03 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

18 กรกฎาคม 2558 03:05:13 #2

เรียน คุณ Amari,

ขอแยกตอบเป็นข้อ ๆตามที่คุณสอบถามมานะครับ

1. ปกติรับประทานยาคุมกำเนิดเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ถูกต้องไหมครับ ถ้าเป็นตามนั้น แนะนำให้ปรับเวลาเป็นก่อนเข้านอน จะใกล้เคียงกับเวลาที่ร่างกายมีการหลั่งฮอร์โมนเพศมากกว่านะครับ นอกจากนั้น ยังเป็นช่วงเวลาที่ท้องค่อนข้างว่าง (หากไม่ต้องการเกิดโรคกรดไหลย้อน ควรรับประทานนมหรืออาหาร ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารได้ย่อยไปเป็นส่วนใหญ่ และยังช่วยป้องกันภาวะน้ำหนักเกิน จากการรับประทานอาหารเวลาใกล้นอนอีกด้วย) ลดปัญหาเรื่องการดูดซึมยาครับ นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากยาได้อีกดว้ย ไม่จำเป็นต้องพกยาออกไปภายนอก ป้องกันการลืมรับประทานยา

2. หลักการโดยทั่วไป ให้รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดหากรับประทานพร้อมกัน จะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (รวมถึงชาเขียว) กาแฟ โกโก้ นม โยเกิร์ต น้ำเต้าหู้ น้ำอัดลม โซดา หรือยาบางชนิดห้ามแม้กระทั่ง "น้ำแร่" หรือน้ำผลไม้บางชนิด หากดื่มปริมาณมาก (เช่นประมาณ 3-4 แก้ว ต่อวัน) จะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งกำจัดยารวมถึงสารพิษอื่น ๆ มีการสร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพิ่มมากขึ้น จึงกำจัดยาได้มากและเร็วขึ้น จึงทำให้ระดับยาลดต่ำลง จนไม่ได้ผลการรักษาหรือเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ เช่น น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำเกรปฟรุต น้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น

กรณีแรกคือห้ามรับประทานยาพร้อมกัน (ชา กาแฟฯ) หากจำเป็นให้รับประทานยาก่อนเครื่องดื่มดังกล่าว อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาละลายและไปถึงจุดที่ร่างกายมีการดูดซึมยาไปใช้ได้

กรณีหลัง (น้ำผลไม้) นอกจากไม่ควรดื่มพร้อมกันแล้ว ยังไม่ควรดื่มในปริมาณมาก (3-4 แก้วต่อวัน) อีกด้วย เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการใช้ยาไม่ได้ผล

ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรณีจำเป็นต้องมีการสังสรรค์ (ซึ่งโดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเมา ก็เฮฮาได้นะครับ) ให้รับประทานยาก่อนมีการสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา และป้องกันการอาเจียนตัวยาออกมา ก่อนที่ร่างกายจะดูดซึมยา

3. โดยหลักการ หากร่างกายไม่มีภาวะความผิดปกติของการสร้างไข่ที่รังไข่ การรับประทานยาแผงแรก เม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน ตัวยาสามารถจะออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาเม็ดแรกครบ 24 ชั่วโมง โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องแบบเม็ดต่อเม็ด จนกว่ายาจะหมดแผง และเริ่มต้นแผงใหม่ ไม่มีการสะสมของตัวยา ไม่ว่าจะรับประทานมากี่ปี หากลืมรับประทานยาเพียง 2 วัน ก็มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เท่ากับสตรีที่ไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด

ขอแนะนำเพิ่มเติม จากข้อมูลส่วนบุคคล หากยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมกว่านะครับ ซึ่งนอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ตับอักเสบชนิดบี / ซี หรือโชคดีสุด ๆคือได้รับเชื้อเอชไอวี ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัส เอชพีวีที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย

อย่าลืมรักตัวเองให้มาก ๆ ด้วยการป้องกันทั้งสองฝ่ายครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องถุงยางอนามัยฉีกขาดหรือรั่วซึมนะครับ โดยหลักการแล้ว หากมีการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง (ไม่เก็บในที่ร้อน ชื้น เช่นในกระเป๋าสตางค์ หรือไว้ในกระเป๋าที่ต้องตากแดดนาน ๆ) โอกาสในการที่จะฉีกขาด ยากมาก ๆครับ เพียงแต่เวลาสวมต้องระวังหากมีเล็บยาว และสวมใส่อย่างถูกต้อง บีบไล่อากาศที่กระเปาะส่วนปลาย สวมใส่ขณะอวัยวะเพศแข็งตัว โดยค่อย ๆรูดลงมาจนสุดโคนของอวัยวะเพศชาย หรืออ่านรายละเอียดได้จากบทความด้านล่าง

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์ ถุงยางอนามัยชาย (Male Condom) นพ.วิชัย ชวาลไพบูลย์ สูตินรีแพทย์