เรียน คุณ vragr,

คำถามสั้น ๆ แต่ตอบได้ค่อนข้างยากและซับซ้อนครับ ขออนุญาตแนะนำคร่าว ๆ คือ

- รับประทานยานี้ก่อนเข้านอน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ท้องว่าง เพื่อป้องกันการรบกวนการดูดซึมจากอาหาร และเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่ หากต้องการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อดูค่า INR. ซึ่งเป็นการแสดงว่าตัวยาได้ผลดีเพียงใด ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 2-3 แล้วแต่แพทย์และผู้ป่วยจะกำหนดร่วมกันในการรักษาแต่ละโรค

- รับประทานอาหารในรูปแบบที่สม่ำเสมอ เช่น ผักใบเขียว เครื่องในสัตว์ นม ไข่ หรือ นมถั่วเหลือง เนื่องจากอาหารหลายชนิดมีวิตามินเค ที่ออกฤทธฺ์ทำให้เลือดแข็งตัว ซึ่งจะต้านฤทธิ์กับยา W ที่คุณสอบถามมา ไม่รับประทานรูปแบบอาหารที่มากบ้างน้อยบ้าง เช่น หากเคยรับประทานผักในสัดส่วน ครึ่งจาน ก็ควรรับประทานใกล้เคียงกันของทุกวัน เพื่อให้เมื่อต้องไปเจาะเลือดตรวจกับแพทย์จะได้ค่าที่ใกล้เคียงความเป็นจริง ไม่ใช่วันนี้ไม่รับประทานผักเลย แต่อีกวันกลับต้องการลดความอ้วน โดยการรับประทานผักสด ผลไม้ทุกมื้อแทน

แนะนำให้สอบถามจากเภสัชกรประจำโรงพยาบาลที่คุณไปติดต่อรับยาจะดีที่สุดนะครับ เนื่องจากมีอุปกรณ์ให้เข้าใจง่าย มีสมุดพกติดตัว เพื่อพกไว้หากต้องเดินทาง เกิดเหตุฉุกเฉินแพทย์ที่ทำการรักษาจะทราบว่าคุณกำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอยู่ ในสมุดจะมีคำแนะนำสั้น ๆว่าควรต้องปฏิบัติตนอย่างไรบ้าง

ส่วนเรื่องอาหาร ทางโรงพยาบาลจะมีนักกำหนดอาหาร หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโภชนาการ แนะนำเรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกตามหลักสุขอนามัย ในบางโรงพยาบาลจะมีตัวอย่างอาหารให้คุณสามารถเลือกปรับเปลี่ยนแต่ละชนิดของประเภทอาหารได้ เช่น อาหารจำพวกแป้ง โปรตีน ไขมัน ตัวอย่างเช่นหากคุณต้องการรับประทานก๊วยเตี๋ยว ที่เป็นจำพวกแป้ง ก็ต้องลดพวกข้าว หรือขนมปังลง

เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ยากันเลือดแข็งตัว (Anticoagulants) พรลภัส บุญสอน เภสัชกร วิตามิน (Vitamin) เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร