กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉินซ้อน
Pisc*****o

8 เมษายน 2558 03:23:06 #1

คือมีอะไรกับแฟนแล้วเเฟนเกือบเสร้จกล้าๆๆกลัวๆๆเลยกินยาวันที่30แล้วได้กินยาคุมฉุกเฉินไป 1กล่องแล้วหลังจากมีอะไรกันเสร้จภายในวันนั้นเลยนั้นมีอะไรกับแฟนอีกวันที่4โดยที่ผลของการกินยารอบแรกเลือกยังไม่ออกแต่เราไปมีอะไรกับเเฟนอีกวันที่4แล้วเเฟนไม่ได้ส้วมใส่ถุงยางเเต่เค้ายังไม่เสร้จเราก้กลัวด้วยเราเลยตัดสินใจไปอีกกล่องแล้วเราจะมีรอบเดือนมาอีกเมื่อไหร เราคิดนักมากเลยเพราเรากินยากล่องเเรกวันที่30แล้วเลือดจะออกภายใน1อาทิตย์แต่เลือดยังไม่ออกเราไปกินอีกวันที่4แล้วแบบนี้เลือดจะออกอีกกี่วันค่ะเพราะเลือดกล่องแรกเรายังไม่ออกแล้วเเราไปกินอีกวันที่4แล้ว แบบนี้ต้องเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่4ไปอีก1อาทิตย์ถึงจะมีเลือดออกแบบนี้ไหมค่ะ เพรากังวลใจมากเพราะกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ววันที่30แล้วเลือดต้องออกภายใน7วันคือวันที่6 แต่เราดันไปกินยาก่อนวันที่4แล้วแบบนี้ต้องเรื่มนับใหม่ตั้งเเต่วันที่4ไหมค่ะไปอีก1อาทิตย์ที่เลือดจะออกผลจากการกินยา เลือดจะอกตอนไหนค่ะกลุ่มใจมากเลยค่ะ
คุณหมอช่วยตอบที่ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ กินยาหลังมีอะไรกันเสร้จภายในวันนั้นเลยค่ะ แล้้วเราจะเริ่มนับจากกล่องยาที่เรากินล่าสุดไปอีกหนึ่งอาทิตย์หรือว่ายังงั้ยค่ะ

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.65 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Pisc*****o

8 เมษายน 2558 03:25:49 #2

แต่บางครั่งก็เหมือนเจ้บท้องเวลาประจำเดือนมา  แต่ก็ไม่เห็นาค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

15 เมษายน 2558 06:25:18 #3

เรียน คุณ pischaypha.pato,

ก่อนตอบคำถามของคุณขออนุญาตให้ข้อมูลของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินว่าในทางการแพทย์นั้น จะนำไปใช้เมื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดปกติได้เท่านั้น เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ ถุงยางอนามัยฉีกขาดหรือรั่วซึมจากการสวมใส่หรือเลือกขนาดของถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง ไม่นิยมนำมาใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากตัวยามีปริมาณค่อนข้างสูงมาก คือ 1500 ไมโครกรัม เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ คือ 50-75 ไมโครกรัมเท่านั้น และมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงกว่า คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติที่หากรับประทานยาอย่างถูกต้องจะอยู่ที่น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์

- กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นประกอบด้วยหลัก ๆสามส่วนคือ1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพือลดโอกาสที่ตัวอสุจิจะผ่านเข้าไปพบกับไข่ 2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง เพื่อลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับอสุจิ 3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางผิดปกติ ลดโอกาสที่ตัวอ่อน (หากมีการผสมของไข่กับอสุจิ) จะมาฝังตัวและเจริญต่อไปได้

- ข้อจำกัด คือ ห้ามรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก จนอาจทำให้เสียชีิวตจากการตกเลือดในช่องท้องได้

- จากการเก็บข้อมูลย้อนหลังพบว่าสตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน "มากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงหลายเท่ามากกว่าสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก/รังไข่ เป็นต้น

ในกรณีของคุณจากการรับประทานยาในเวลาไล่เลี่ยกัน จะทำให้ท่อนำไข่ยิ่งบีบตัวช้าลง และเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมากกว่าปกติ อาจต้องใช้เวลา 7-14 วัน จึงจะมีเลือดออกมา แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน จะเป็นเลือดจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกฉีกขาด ไม่ใช่เลือดประจำเดือนตามปกติ หลังจากนั้นอาจมีเลือดประจำเดือนออกมาแต่ล่าช้ากว่าเดิมไป 7-14 วัน

ดังนั้น หากคุณจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆโดยที่ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดปกติจะดีกว่านะครับ เพื่อให้คุมกำเนิดและช่วยปรับประจำเดือนให้มาตามรอบ 28 วันทุกเดือน แต่หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสัตับอักเสบชนิดบี/ซี หรือโชครร้ายสุดคือ เอชไอวีที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ
หูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชาย

อย่าลืมนะครับ น้องสไปรท์ยังไม่ยอมให้ใครกินง่าย ๆถ้าไม่ใส่ถุง

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล