กระดานสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉินเหมาะกับอายุเท่าไหร่ค้ะ
Anonymous

15 กุมภาพันธ์ 2558 22:42:55 #1

คือว่าเราอยากทราบอ่ะค่ะว่าเหมาะกับอายุเท่าไหร่ กินไปแล้วจะมีผลค้างเคียงอะไรบ้างค่ะ

อายุ: 14 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 53 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.70 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

17 กุมภาพันธ์ 2558 13:44:39 #2

ถึง คุณ 8e6f6

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ 8e6f6 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

และหากครั้งต่อไปคุณ 8e6f6 ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

22 กุมภาพันธ์ 2558 18:28:16 #3

เรียน คุณ 8e6f6,

ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการสอบถามครับ โดยทั่วไปทางการแพทย์ยานี้เป็นยาที่เก็บไว้ใช้ต่อเมื่อไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดตามปกติ หรือเมื่อการคุมกำเนิดวิธีอื่นผิดพลาด เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม ไม่แนะนำให้ใช้แทนการคุมกำเนิดทั่วไป เนื่องจากมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ และตัวยามีปริมาณฮอร์โมนเพศค่อนข้างสูง คือ 1500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ คือ 50-75 ไมโครกรัม ตัวยาใช้ได้ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีประจำเดือน ที่มีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ตามข้อบ่งใช้ คือ ถูกข่มขืน หรือถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม โดยตัวยามีกลไกการออกฤทธิ์คือ

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว ลดโอกาสที่ตัวอสุจิจะผ่านเข้าไปพบกับไข่

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับตัวอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางกว่าปกติ ไม่เหมาะที่ตัวอ่อน (หากมีการผสมของไข่กับอสุจิ) จะมาฝังตัวและเจริญต่อไปเป็นทารก

วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้องมี 2 แบบ คือ

ก. รับประทานยาทันที 1 เม็ด (โดยไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์) จากนั้นเว้นอีก 12 ชั่วโมง รับประทานยาอีก 1 เม็ด วิธีนี้มีข้อดี คือ ลดอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน แต่ข้อเสีย คือ อาจลืมรับประทานยา เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์

ข. รับประทานยาพร้อมกันทันที 2 เม็ด แต่ต้องไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีนี้มีข้อดี คือลดโอกาสในการลืมรับประทานยา แต่ข้อเสีย คือ มักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนค่อนข้างมาก แพทย์มักให้รับประทานยาต้านคลื่นไส้อาเจียน 30 นาทีก่อนรับประทานยาคุมฯ

ข้อจำกัดในการใช้ คือ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงในการเสียชีวิต จากการตกเลือดในช่องท้อง เหตุตั้งครรภ์นอกมดลูก (จากกลไกในข้อ 2 ตัวอ่อนมักไปฝังตัวที่ท่อนำไข่แทน) แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน "มากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" มักมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงกว่าสตรีที่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ ฯ

จากข้อมูลส่วนบุคคล หากคุณจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริม ไวรัสตับอักเสบ บี / ซี พยาธิในช่องคลอด หรือโชคร้ายสุดคือ เอชไอวี ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV- human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้มะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือหูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชาย เพียงแต่ต้องให้ฝ่ายชายเลือกถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง เก็บรักษาอย่างเหมาะสม สวมใส่และถอดอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการตั้ืงครรภ์หรือติดโรคทางเพศสัมพันธ์

อย่าลืมนะครับ ถึงแม้ซีรียส์จะจบไปแล้ว แต่นิยามยังใช้ได้เสมอ นะครับ "จะกินสไปร์ท ต้องใส่ถุงเสมอ" ไม่รักตัวเอง แล้วใครจะรักครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์