เรียน คุณ 0da71,

ขอแยกตอบเป็นสองประเด็นนะครับ

1. ไม่ควรซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน "ยาตีกัน" จนทำให้ยาคุมกำเนิดด้อยประสิทธิภาพลง หรืออาจทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่แย่ลง โดยเฉพาะน้ำมันอีฟเวนนิ่งพริมโรสออยล์ ซึ่งมีสารอนุพันธ์เอสโตรเจนจากพืช (Phytoestrogen) ซึ่งออกฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งควรใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ที่มีลักษณะขาดฮอร์โมนเพศเท่านั้น ผลการตอบสนองต่อการใช้นี้ขึ้นกับแต่ละบุคคล ยังไม่มีผลการรักษาทางการแพทย์ชัดเจน พบว่าในบางรายอาการเกี่ยวกับภาวะก่อนมีประจำเดือนดีขึ้น แต่บางรายอาการกลับรุนแรงขึ้น ทั้งการบีบตัวของมดลูกหรือภาวะเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ หรือในบางรายอาจพบก้อนเนื้อที่เต้านม เนื่องจากได้รับสารคล้ายฮอร์โมนมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อคุณรับประทานยาคุมกำเนิดอยู่แล้ว กรณีนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคัดเลือกประเภทของยาคุมกำเนิดให้เหมาะสม จะได้ประโยชน์ทั้งจากการคุมกำเนิดและปรับสมดุลฮอร์โมนเพศ ซึ่งมีผลทดลองทางการแพทย์ชัดเจน โดยต้องรับประทานยาติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน

2. วิตามินเสริมอาหาร เช่น วิตามินบีรวม หรือวิตามินซี ที่ได้จากสารสกัดอะเซโรลา เชอร์รี่นั้น โดยทั่วไปร่างกายสามารถได้รับจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสดและผลไม้ที่มีรสไม่หวานจัด ถ้าไม่มีโรคตับหรือไตทำงานผิดปกติ แนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกโปรตีนที่มีคุณภาพดี ย่อยง่ายเสริม เช่น เนื้อปลาทะเล (น้ำมันปลามีผลการทดลองด้านการรักษาภาวะปวดประจำเดือน และยังช่วยป้องกันหลอดเลือดอุดตันได้อีกด้วย) หรือเนื้อไก่ไม่เอาหนัง เน้นหนักมื้อเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น และเว้นดึก จะทำให้ได้สารอาหารครบถ้วนระหว่างวัน และไม่ต้องกลัวอ้วนด้วย นอกจากนี้ วิตามิน บีและซี เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ มีการดูดซึมจำกัดในแต่ละครั้ง ไม่มีการสะสมในร่างกาย เมื่อมีส่วนที่เกินร่างกายจะกำจัดออกทางปัสสาวะ

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง และควรเข้านอนก่อนเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต่อมใต้สมองมีการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เซลล์ไม่เหี่ยวย่นง่ายด้วย หากนอนดึกหรือนอนน้อยกว่าที่ให้ข้อมูล อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด ต่อมหมวกไตมีการหลั่งสารความเครียดที่เป็นสารสเตียรอยด์ ทำให้ร่างกายเกิดภาวะบวมน้ำ เบาหวาน หรืออ้วนจากการสะสมไขมัน เซลล์ประสาทมีขนาดเล็กลง และอาจไม่เชื่อมต่อระหว่างกัน (ทำให้เกิดอาการเหมือนสมองตื้อ ความจำไม่ดี) และยังมีส่วนรบกวนการทำงานของระบบสืบพันธ์ุ ที่จะทำให้ฮอร์โมนเพศทำงานน้อยหรือมากกว่าปกติ ระยะยาวอาจเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง หรือภาวะกระดูกพรุนได้

- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยกำจัดของเสียออกทางเหงื่อด้วยนะครับ สมองจะมีการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้เซลล์สมอง ทำงานประสานกันได้ดี

ถ้าปฏิบัติได้ดังนี้ ร่างกายก็จะแข็งแรงสดใส กระฉับกระเฉง ไม่รู้สึกเพลียง่าย เหนื่อยง่าย เหมือนนอนไม่พอตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ง่าย ไม่ต้องลงทุน ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานให้สิ้นเปลือง โดยไม่มีความจำเป็น
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล