เรียน คุณ leng.ing.1

คงตอบยากนะครับ เนื่องจากได้รับประทานยาเข้าไปแล้ว และคุณไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อยามาด้วย ขออนุญาตตอบรวมๆนะครับ

การจะส่งต่อทารกนั้น ต้องขึ้นกับหลายปัจจัย คือ

1. ขนาดของตัวยานั้นมีอนุภาคเล็ก สามารถผ่านหลอดเลือดบริเวณรกได้มาก แต่ส่วนใหญ่ยากำจัดพยาธิมักมีขนาดอนุภาคใหญ่ เน้นการออกฤทธิ์เฉพาะทางเดินอาหาร เพื่อทำให้พยาธิมึนงง เป็นอัมพาตชั่วคราว หรือยับยั้งไม่ให้พยาธิดูดซึมอาหารไปใช้ได้

2. การสัมผัสกับตัวยาหรือสารเคมี เป็นเวลานาน ๆ หากเป็นการรับประทานครั้งเดียว ก็จะลดโอกาสในการผ่านไปสู่ทารกได้มาก

3. ความเป็นพิษของตัวยากำจัดพยาธิ ส่วนใหญ่ไม่มีฤทธิ์ทำให้ทารกพิการ แต่เนื่องจากไม่ใช่ภาวะเร่งด่วนที่จะต้องใช้ยา จึงจัดเป็นข้อควรระวังหรือข้อห้ามใช้ไว้ก่อน

4. ระยะของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่จะต้องระวังมากเป็นพิเศษคือช่วง ไตรมาสที่ 1 หรือ 3 เดือนแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มมีการสร้างอวัยวะต่าง ๆเช่น แขน ขา ใบหน้า แต่หากเลยระยะนี้ไปแล้ว

ส่วนใหญ่ทารกมักจะทนต่อสารแปลกปลอมได้ค่อนข้างดี ข้อสังเกต จะเห็นว่าส่วนใหญ่คุณแม่ทั้งหลายมักจะมีอาการแพ้ท้อง 3 เดือนแรก เพื่อให้เกิดการยับยั้งชั่งใจ เลือกรับประทานแต่อาหารที่มีคุณประโยชน์ ลดการรับสารเคมีแปลกปลอม

จากหลายปัจจัยที่ให้ข้อมูล ไม่น่าจะส่งผลต่อทารกนะครับ เพียงแต่เมื่อไปพบแพทย์ตามนัด และมีการอัลตร้าซาวนด์ แจ้งแพทย์ที่ภรรยาคุณฝากครรภ์ด้วยว่ารับประทานยาอะไรไป เมื่อไหร่ ปริมาณเท่าใด เป็นเวลานานกี่มื้อ กี่วัน เพื่อเป็นข้อมูลติดตามความสมบูรณ์ของทารกต่อไป

ขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ เมื่อมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรได้ทันทีครับ ควรอ่านฉลากและทำความเข้าใจ "ก่อน" การใช้ยาเสมอ เนื่องจากในบางครั้ง การใช้ยาไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ซึ่งอาจไม่สามารถแก้ไขได้ทัน 

กัน ไว้ดีกว่า แก้ คำนี้ยังคงใช้ได้ ไม่มีวันล้าสมัยครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล