กระดานสุขภาพ
การทานยาคุม | |
---|---|
25 กันยายน 2557 14:08:38 #1 กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกแล้ว ควรทานเม็ดที่สองภายในกี่ชั่วโมงครับ?? |
|
อายุ: 15 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
28 กันยายน 2557 07:09:28 #2 เรียน คุณ b5aa7, ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการสอบถามครับ จะใช้ยาเอง หรือว่าสอบถามแทนผู้อื่น ขออนุญาตให้คำตอบข้อมูลยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ - ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินประกอบด้วยตัวยา levonorgestrel 750 ไมโครกรัม/เม็ด ใน 1 กล่องประกอบด้วยตัวยา 2 เม็ด - ข้อบ่งใช้ คือ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นเท่านั้น คือ เมื่อถูกข่มขืน หรือ เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด - วิธีการรับประทานยา : ต้องรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงของการมีเพศสัมพันธ์ โดยรับประทานยาได้ 2 แบบ คือ 1. รับประทานยา 1 เม็ดทันที จากนั้นอีก 12 ชั่วโมง รับประทานยาอีก 1 เม็ด วิธีนี้มีข้อดี คือช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้มาก แต่ข้อเสียคือ อาจลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง วิธีนี้หากมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยาเม็ดที่สอง ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่ม 2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที วิธีนี้มีข้อดี คือ ตัดปัญหาเรื่องการลืมรับประทานยา แต่ข้อเสียคือจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ค่อนข้างมาก วิธีนี้หากจะมีเพศสัมพันธ์อีกภายหลังการรับประทานยา ต้องใช้วิธีทางกายภาพ เช่น การสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แทน - กลไกการคุมกำเนิด คือ 1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว จนตัวอสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก 2. ทำให้ท่อนำไข่ บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่กับตัวอสุจิจะมาผสมกัน 3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมาก จนตัวอ่อน (หากมีการผสมระหว่างไข่กับอสุจิ) จะมาฝังตัวและเจริญเติบโตได้ยาก - ข้อห้ามใช้ : ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โรคตับและถุงน้ำดี - อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา: คลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวน แน่นท้อง เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน - ข้อจำกัดการใช้ยา: - ไม่ควรใช้ยานี้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูง ตั้งแต่ 8-25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นกับว่ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงระยะมีไข่ตกหรือไม่ การทิ้งเวลานานหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ (ยิ่งนาน ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงสูง) - ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากจะทำให้เกิดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตจากการตกเลือดภายในช่องท้องจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อวัยวะต่าง ๆสูงกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ หรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อนมากกว่าหลายเท่า เช่น มะเร็งเต้านม มดลูกหรือรังไข่ หรือมะเร็งตับฯ จากข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย เพื่อการคุมกำเนิด และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบบี หรือ ซี หรือเลวร้ายสุด คือ เอชไอวี หรือ เอดส์ ที่ี่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งเป็นเชื้อที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่ หรือมะเร็งองคชาติในเพศชาย ยืดอก พกถุง ช่วยป้องกันทั้ง ลูกและโรคครับ ขอแนะนำเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากเภสัชกรร้านยาได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจช้าไม่ทันการ เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราครับ การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์ ยาคุมฉุกเฉิน หลังเพลิดเพลินจนลืมตัว โดย ดร.วิทยา มานะวาณิชเจริญ |
Anonymous