เรียน คุณ betterangel,

คงตอบยากนะครับ ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน จึงจะกลับมาเป็นรอบประจำเดือนดังเดิม แต่ในบางราย อาจคลาดเคลื่อนไปนานเป็นปีก็มีครับ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้เมื่อเกิดความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ในทางการแพทย์มีใช้ 2 ข้อ คือ

1. เมื่อถูกข่มขืน
2. เมื่อถุงยางอนามัยรั่วซึม หรือฉีกขาด

เนื่องจากตัวยาเข้มข้นปริมาณสูงมาก (1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม) กลไก คือ

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว จนอสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก
2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง กันไม่ให้ไข่มาถึงมดลูกที่จะเป็นบริเวณที่มีการผสมกันของไข่และอสุจิ
3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมาก จนไข่กับอสุจิที่ผสมกันแล้ว ไม่สามารถฝังตัวและเจริญต่อไปได้

ไม่นิยมใช้พร่ำเพรื่อ เนื่องจากโอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงกว่ายาคุมกำเนิดปกติ และหากใช้มากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก เสี่ยงต่อการฉีกขาด เลือดออกในช่องท้อง เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับประทานยามากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆมากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ หรือ มะเร็งตับ 

หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัย จะช่วยคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน แผลริมอ่อน ตับอักเสบบีหรือซี พยาธิในช่องคลอด หูดหงอนไก่ หรือเอดส์ และยังช่วยป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และมะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย

ลูกกับโรค คุณเลือกได้นะครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์