กระดานสุขภาพ

ทานยาแล้วยาติดคอทำไงดีค่ะ
Anonymous

23 สิงหาคม 2557 14:16:16 #1

คือว่าหนูทานยาเข้าไปแล้วรู้สึกว่ายามันยังติดอยู่ในคอก็เลยทานน้ำเข้าไปก็ยังติดอยู่เลยทำให้อาเจียนแต่อาเจียนแล้วยามันไม่ออกพอมาอีกวันก็เลยทานขนมแล้วก็รู้สึกได้ว่ามันลงแต่พอมาประมาณครึ่งชม.ก็รู้สึกได้ว่ายามันยังคาอยู่ที่คอแต่รู้สึกเจ็บคอตรงคอฝั่งขวามือตรงหลอดอาหารค่ะมันยังคาอยู่ทำให้ปวดคอมากและหายใจไม่สะดวก ก็เรื่องมันเกืดขึ้นว่าหนูไปโหนแป้นบาสตั้งแต่วันศุกร์พอมาวันจันทร์รู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่ตรงหน้าอกแต่เยื้องซ้าย หมอบอกว่ากล้ามเนื้อมันอักเสบเลยให้ยาแก้ปวดอักเสบ ลดการอักเสบแก้ปวดกล้ามเนื้อและก็ยากระเพาะอาหารอักเสบ หนูก็เพิ่งรู้ว่าหนูเป็นกระเพาะอักเสบ แต่หนูทานยาไปประมาณ2วันมันก็เลยมีอาการดั่งที่ว่ามาอ่ะค่ะ ไม่ทราบว่าพอจะมีวิธีที่ทำให้อาการทุเลาลงไหมค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

อายุ: 16 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 57 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.94 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

24 สิงหาคม 2557 17:54:12 #2

ถึง คุณ bc246

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ โดยคุณ bc246 ยังสามารถติดตามคำตอบคุณหมอได้ที่กระทู้นี้ค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

26 สิงหาคม 2557 00:40:58 #3

เรียน คุณ bc246,

จากข้อมูลที่คุณให้มา แนะนำเบื้องต้นคือหลังรับประทานยา ควรดื่มน้ำสะอาดตามมาก ๆอย่างน้อย 1-2 แก้ว เนื่องจากยาที่เข้าใจว่ารักษาอาการกระเพาะอาหารอักเสบ แพทย์จะสั่งให้มาเพื่อป้องกันอาการระคายเคืองจากยาลดอาการปวดอักเสบของกล้ามเนื้อของกระดูก ยาที่ว่าจะอยู่ในรูปแบบแคปซูล หากดื่มน้ำน้อย หรือรับประทานยาแล้วไม่ดื่มน้ำ จะทำให้แคปซูลยาซึ่งผลิตจากเจลาตินจะเหนียวติดกับหลอดอาหาร เมื่อตัวยาซึ่งเป็นด่าง ละลายและแตกตัวออกมา จะทำให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มขึ้น แทนที่จะไปช่วยป้องกันไม่ให้ยาลดปวดอักเสบของกล้ามเนื้อและกระดูก (ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด และลดการสร้างเยื่อเมือกที่คลุมกระเพาะอาหาร) กลับจะเกิดการระคายเคืองจากยาทั้งสองอย่าง

ลองปฏิบัติดูก่อนนะครับ ประมาณ 3-4 วันอาการจะค่อย ๆดีขึ้นเอง แต่หากอาการไม่ทุเลาหรือกลับแย่ลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หู-คอ-จมูก เพื่อส่องกล้องดูว่ามีลักษณะเป็นแผลหรือระคายเคืองเนื้อเยื่อมากหรือไม่ ซึ่งหากเป็นมาก ก็ต้องรับประทานยาช่วยลดอาการกระเพาะอาหารอักเสบต่ออีก 7-14 วัน เพื่อให้เนื้อเยื่อค่อย ๆรักษาตัวจนหายสนิท นอกจากนี้ควรลดอาหารรสจัด งดเครื่องดื่มชา กาแฟ ชาเขียว น้ำอัดลม ซึ่งจะทำให้เกิดทางเดินอาหารหลั่งกรดเพิ่มมากขึ้น แผลในทางเดินอาหารก็จะหายช้าลงไปอีกครับ

ขอแนะนำเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาหรืออาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งหากเป็นเรื่องเร่งด่วน ร้ายแรง อาจช้าไม่ทันการ จนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล