กระดานสุขภาพ

ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินเลยไป 5 นาทีจะเป็นอะไรไหม
Jatu*****9

25 พฤษภาคม 2557 12:44:53 #1

คือว่าผมให้แฟนผมกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกไปตอน 15.20 

และในตอนกลางคืนผมให้แฟนผมกินไปตอน 3.25 

ผมอยากรู้ว่ามันจะเป็นอะไรมั้ยครับ ประสิทธิภาพมันจะลดลงเยอะมั้ย

ช่วยตอบทีนะครับคุณหมอ ขอบคุณครับ

อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 78 กก. ส่วนสูง: 174ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.76 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

25 พฤษภาคม 2557 16:28:33 #2

ถึง คุณ jaturong.srinakorn.9

คำถามของคุณ jaturong.srinakorn.9 คุณหมอตอบกลับแล้วนะค่ะ
http://haamor.com/webboard/ห้องเพศศึกษา/12664/

และต้องขอความร่วมมือในการตั้งกระทู้ขอให้ตั้งเพียงกระทู้เดียวต่อคำถามเรื่องเดียวกันนะค่ะ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตอบ หากตั้งมาหลายกระทู้จะทำให้คุณหมอสับสนได้ค่ะ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมสามารถตั้งในกระทู้เดิมได้เลยนะคะ

Jatu*****9

26 พฤษภาคม 2557 12:40:34 #3

ไม่ไงครับ คือผมอยากทราบว่าถ้ากินเลย 12 ชม ไป 5 นาทีประสิทธิภาพของยามันจะลดลงมั้ยครับ

Haamor Admin

(Admin)

26 พฤษภาคม 2557 15:18:55 #4

ถึง คุณ jaturong.srinakorn.9

รับทราบคะ ต้องขออภัยด้วยนะคะ จะรีบแจ้งให้คุณหมอทราบนะคะ

สามารถรอคำตอบได้ในกระทู้นี้เลยนะคะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

27 พฤษภาคม 2557 03:20:31 #5

เรียน คุณ jaturong,

ไม่น่าจะมีผลต่างกันมากนะครับ นอกจากจะต่างกันเป็นชั่วโมง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ กลไกการออกฤทธิ์ของยานี้ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศระดับสูงมาก (ปกติประมาณ 50-75 ไมโครกรัม แต่ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด คือ 1500 ไมโครกรัม)

- ทำให้มูกที่ปากช่องคลอดข้นเหนียว จนตัวอสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก

- ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง จนไข่อาจมาพบกับอสุจิช้าเกินจนไม่สามารถผสมกันได้

- ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว จนไข่ที่ผสมแล้วไม่สามารถฝังตัวได้

โดยทั่วไปยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ทางการแพทย์ให้ใช้ได้ 2 กรณี คือ เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่ว หรือ เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้วางแผนไว้ เช่น ถูกข่มขืน เป็นต้น ไม่แนะนำให้รับประทานพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็น จากข้อมูลบริษัทยาแนะนำให้ ไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือน เนื่องจากจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก (ไข่ที่ผสมเดินทางช้าจนไปฝังตัวที่ท่อนำไข่แทน) แต่ข้อมูลที่มีการศึกษาย้อนหลัง พบว่าหญิงที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่างๆมากกว่าหญิงที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิด หรือหญิงที่ได้รับการคุมกำเนิดปกติมากกว่าหลายเท่า โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ หรือตับช่วงวัยรุ่น หากจะมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ เนื่องจากจะปลอดภัยต่อทั้งคุณและฝ่ายหญิง นอกจากคุมกำเนิดยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส หนองในเทียม เอดส์ หรือตับอักเสบ บี และซี รวมถึงเชื้อพยาธิในช่องคลอด ที่ในฝ่ายหญิงอาจไม่ค่อยมีอาการ แต่จะมีการฝังตัวในทางเดินปัสสาวะของฝ่ายชาย จนมีอาการปัสสาวะ แสบ ขัดได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการติดเชื้อกลับเป็นซ้ำของไวรัส HPV (human Papilloma virus) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกในฝ่ายหญิงและป้องกันการติดเชื้อหูดหงอนไก่ในฝ่ายชาย ช่วงนี้เน้นเรื่องเรียนไว้ก่อนดีกว่านะครับ เรื่องนี้รอก่อนได้ครับ แต่หากจำเป็นและต้องการมีเพศสัมพันธ์ อย่าลืม "ยืดอก พกถุง" ไม่เช่นนั้นน้องสไปรท์ อาจไม่ยอมให้กินนะครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรา

การคุมกำเนิด (Contraception)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์

การติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง (Gential HPV in women)

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
สูตินรีแพทย์