กระดานสุขภาพ

ยาIsotretinoin กะยาคุมฉุกเฉิน
Kdkk*****k

21 พฤษภาคม 2557 14:51:37 #1

คือว่านะครับ แฟนผมฝากมาถามว่า ยารักษาสิว Isotretinoin ทำให้ยาคุมฉุกเฉินหมดประสิทธิภาพรึป่าวคับ

และมีผลข้างเคียงอะไรหรือปล่าวครับ ควรหยุดกินมั้ยครับ

แฟนผม หนัก 52 สูง 156 

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับปรึกษานะครับ

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 100 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 31.56 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

22 พฤษภาคม 2557 16:09:23 #2

เรียน คุณ kdkk,

จากข้อมูลบริษัทยา ไม่พบว่ามีปฏิกิริยาระหว่างยา isotretinoin และ ยาคุมฉุกเฉิน (levonorgestrel) แต่มีข้อควรระวังอื่น ๆ คือ

1. การรับประทานยา isotretinoin ซึ่งเป็นกรดวิตามิน เอ ต้องมีการคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัด โดยวิธีสวมถุงยางอนามัย เนื่องจากตัวยาอาจทำให้เกิดทารกวิรูป (พิการแต่กำเนิด) ได้ ต้องมีการลงชื่อยินยอมเมื่อเริ่มต้นใช้ยานี้ ว่าทราบและเข้าใจข้อห้ามใช้ต่าง ๆอย่างละเอียดแล้ว โดยต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนเริ่มรับประทานยานี้ (อย่างน้อย 1 เดือน ล่วงหน้า) และระหว่างที่มีการรับประทานยานี้อยู่รวมถึงต้องคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังจากหยุดใช้ยานี้แล้ว อย่างน้อย 1 เดือน ในทางการแพทย์มักจะให้คุมกำเนิดต่อเนื่อง 3 เดือน หลังจากหยุดใช้ยานี้ เพื่อรอให้ร่างกายมีการกำจัดยานี้ออกไปจนหมดแน่นอนก่อน

  • การตรวจร่างกายก่อนเริ่มต้นใช้ยานี้ ควรมีการตรวจการทำงานของตับ ไตและเม็ดเลือด
  • ควรหยุดยาและรีบมาพบแพทย์ หากพบอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้ เช่น ปวดศีรษะมาก มึนศีรษะเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยไม่ทราบสาเหตุปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด ตัวเหลือง ตาเหลือง ผื่นแดงทั่วตัว เล็บหลุดลอก
  • อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ เป็นอาการแสดงว่าอาจได้รับยาปริมาณมากเกิน ผิวแห้ง แดงลอกมาก ตาแห้งมาก หรือการมองเห็นเปลี่ยนแปลงไป มองภาพไม่ชัด ผมร่วงมาก ปวดตามข้อ
  • ข้อควรระวัง เมื่อรับประทานยานี้ ควรเลือกสบู่อ่อน ๆ ไม่ขัดถูผิวหนังรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากจะยิ่งระคายเคืองง่าย ควรดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ทาครีมบำรุงผิวที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-free, non-comedogenic)

2. Levonorgestrel ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ที่มีการใช้บ่อย ๆ มีข้อบ่งใช้ในทางการแพทย์สองประการ คือ เมื่อถุงยางอนามัยรั่ว/ฉีกขาด หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้วางแผน และไม่ต้องการตั้งครรภ์ (ถูกข่มขืน) ตัวยาเป็นฮอร์โมนโปรเจสตินปริมาณสูงกว่ายาคุมกำเนิดปกติ หลายเท่า (750 ไมโครกรัม x 2 = 1500 ไมโครกรัม เทียบกับปกติ 50-75 ไมโครกรัม) กลไกคือ

  • ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิผ่านเข้าไปผสมกับไข่
  • ลดการบีบตัวของท่อนำไข่ เพื่อให้การเดินทางของไข่ช้าลง จนอาจไม่พบกับอสุจิ
  • ทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาตัวมาก ๆ ไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้วจะไม่สามารถฝังตัวได้

จากข้อมูลบริษัทยา ไม่ควรรับประทานยานี้เกิน 2 กล่องต่อเดือน (4 เม็ด) เนื่องจากจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ (ไม่มาหรือมาน้อย) หรืออาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก (ไข่เดินทางมาช้า) แต่จากข้อมูลภายหลังพบว่าสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เกิน 3 ครั้ง "ตลอดชีวิต" มีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น เต้านม รังไข่ มดลูก ตับ ฯ เพิ่มมากกว่าหลายเท่า เมื่อเทียบกับสตรีทั่วไปที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิด หรือที่เคยได้รับยาคุมกำเนิดปกติ

สรุป การใช้ Isotretinoin ต้องมีการสั่งใช้จากแพทย์เท่านั้น เนื่องจากต้องมีการตรวจติดตามค่าการทำงานของตับทุก 3 เดือน ใช้ได้สำหรับสิวที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการอื่นใดแล้วเท่านั้น ส่วนยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่ควรเกิน 3 ครั้ง "ตลอดชีวิต" แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัย จะปลอดภัยต่อคุณและแฟนคุณ เนื่องจากใช้คุมกำเนิด และใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองใน แผลริมอ่อน ตับอักเสบ บีและซี เอดส์ เชื้อพยาธิต่าง ๆที่อาจฝังที่ท่อทางเดินปัสสาวะเพศชาย รวมถึงป้องกันการติดไวรัส HPV (human papilloma virus) ซึ่งเป็นไวรัสที่กระตุ้นให้เกิดหูดหงอนไก่ และมะเร็งปากมดลูกด้วย ละครจบ แต่คำขวัญยังคงอยู่ "กินสไปรท์ ต้องใส่ถุง"

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

 

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรา

  • การคุมกำเนิด (Contraception) โดยแพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กามโรค (STD: Sexually transmitted disease) โดยรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง วรลักษณ์ สมบูรณ์พร (สูตินรีแพทย์)
Kdkk*****k

22 พฤษภาคม 2557 16:22:50 #3

ขอบคุณครับผม สำหรับข้อมูลดีๆ