กระดานสุขภาพ
สอบถามเรื่องยา Primolut N ค่ะ | |
---|---|
20 เมษายน 2557 06:00:42 #1 คือก่อนหน้านี้ เคยประจำเดือนมาทุกเดือน แต่หลังจากทานยาคุมฉุกเฉินไปเมื่อ สิงหาคม 56 ประจำเดือนก็มาไม่ปกติเลยค่ะ เคยไปหาหมอสูติเค้าให้ยาฮอร์โมนส์มาทาน ประจำเดือนก็มาตรงอยู่สามเดือนแล้วก็หยุด จากประจำเดือนหยุดกลัวตั้งครรภ์เลยไปซื้อที่ตรวจมาผลออกมาขีดเดียวค่ะ (มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่คิดว่าไม่ตั้งครรภ์ด้วยแหละ เคยปรึกษาในเว็บหาหมอแล้วหมอบอกไม่เสี่ยง ไม่มีโอกาสตั้งครรภ์) ทีนี้มีเพศสีมพันอีกรอบก็ไม่สอดใส่ หมอก็บอกว่าไม่ตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนไม่มาสิคะ (มาครั้งสุดท้ายเดือนมกรา) มันกังวลใจ พี่สาวแนะนำให้ทานยาสตรี เลยซื้อยาสตรีเพ็ญภาคมาทาน (ทานวันที่ 17)ไม่หมดขวด สามวันแล้วประจำเดือนก็ไม่มา เลยอยากทานฮอร์โมนส์ที่หมอเคยให้มาซื้งน่าจะเป็น Primolut N สามารถทานได้มั้ยคะ ถ้าประจำเดือนมาแล้วจะทานยาคุม 28 เม็ดเพื่อปรับปนะจำเดือนจริงๆจังๆค่ะ ไม่อยากไปพบแพทย์เลย แต่อยากรักษาให้ปลอดภัย กลัวมีผลระยะยาว ขอบคุณมากค่ะ |
|
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
21 เมษายน 2557 04:03:38 #2 เรียน คุณ b8389, แนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีกว่าครับ เนื่องจากประจำเดือนผิดปกติไปหลายครั้ง (ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2556- ปัจจุบัน) ไม่แนะนำให้ซื้อยามารับประทานเอง เนื่องจากมีหลายสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ตามปกติ ส่วนยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน จากข้อมูลบริษัทยาถ้ารับประทานเกิน 2 ครั้งต่อเดือน อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ (ไม่มา มาช้า หรือว่ามากะปริบกะปรอย) แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยไม่มีสาเหตุจำเป็น เช่น การถูกข่มขืน หรือถุงยางอนามัยรั่วขาด จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงมากกว่าสตรที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อนมากหลายเท่า เนื่องจากยานี้มีส่วนประกอบของฮอร์โมนระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฝังตัวของตัวอ่อน (ปกติฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดทั่วไป คือ 150 ไมโครกรัม หรือ 0.15 มิลลิกรัม แต่ในยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ต่อเม็ด คือ 0.75 มิลลิกรัม หรือ 750 ไมโครกรัม 1 คอร์ส 2 เม็ด = 1,500 ไมโครกรัม ซึ่งต่างจากขนาดปกติ 10 เท่า) ยาสตรีนั้นเป็นยาบำรุงเลือดเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ยาขับประจำเดือน จึงไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ ยาฮอร์โมนยี่ห้อที่แพทย์เคยสั่งให้ ต้องมีการตรวจเลือดก่อนว่ามีสาเหตุอื่นใดจากการตั้งครรภ์หรือไม่ หรือว่ามีสิ่งผิดปกติที่มดลูก รังไข่ ส่วนหากคุณมีแฟนและคิดจะมีเพศสัมพันธุ์ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ นอกจากช่วยเรื่องการคุมกำเนิด ยังป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส ตับอักเสบ บี และ ซี หงอนไก่ หรือป้องกันเชื้อไวรัส HPV (human Papilloma virus) ซึ่งเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วย คุณก็ไม่จำเป็นต้องได้รับฮอร์โมนโดยไม่ได้จำเป็นทุกวันด้วย เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่
|
Anonymous |
21 เมษายน 2557 09:07:55 #3 ถ้าไปหาหมอกรณีแบบนี้ต้องตรวจภายในมั้ยคะ ไม่ค่อยอยากตรวจภายในอะค่ะ แล้วเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติมีสาเหตุจากอะไรบ้างคะ วิธัการรักษาอย่างไรบ้าง คงไม่น่าจะเป็นมะร็งปากมดลูกนะ ขอบคุณค่ะ |
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผลเภสัชกร |
23 เมษายน 2557 02:32:18 #4 เรียน คุณ b8389, โดยทั่วไปถ้าไม่จำเป็นจะไม่ตรวจภายใน ยิ่งถ้ายังไม่ได้แต่งงาน หรืออายุยังน้อย หากจำเป็นอาจใช้วิธีการตรวจอัลตราซาวนด์แทน หรือใช้การตรวจระดับฮอร์โมนเพศในเลือด ร่วมกับการซักประวัติร่วมกับการตรวจร่างกาย ส่วนสาเหตุมีได้มากมายครับ ตั้งแต่เครียด นอนไม่หลับ กินยาที่มีผลต่อฮอร์โมนเพศ (ยาคุมกำเนิด ยาคุมฉุกเฉิน) อยู่ในช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนยังไม่คงที่ มาไม่สม่ำเสมอ มะเร็งปากมดลูกโอกาสน่าจะน้อยครับ เนื่องจากอายุยังไม่มาก ส่วนใหญ่จะตรวจประจำปีเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป สรุป คือต้องพบแพทย์ครับ ต้องมีการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจเลือดด้วยครับ เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราครับ ประจำเดือน (Menstruation) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา |
Anonymous