ขอตอบคำถามเป็นข้อ ๆดังที่คุณสงสัยมาครับ

1. การรับประทานยาคุมกำเนิดให้สม่ำเสมอ เวลาคลาดเคลื่อน +/- ไม่เกิน1 ชั่วโมง จะช่วยทำให้ระดับยาในเลือดค่อนข้างคงที่ ลดอาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ

หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือนครับ เพราะถ้าฮอร์โมนสูงบ้างต่ำบ้าง จะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกเกิดฉีกขาดหรือหลุดลอกก่อนกำหนดได้

ส่วนประสิทธิภาพก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมครับ ยกเว้นว่าคุณจะลืมรับประทานยาบ่อย ๆ จนอาจเกิดการผสมของไข่กับอสุจิได้ แบบนี้ก็เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์

2. อาการนี้คงตอบลำบากครับ เนื่องจากถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็อาจเกิดอาการคัดตึงเต้านมได้ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆเช่น เสื้อชั้นในคับไป อากาศร้อนจนผิวหนังบริเวณนั้นอักเสบ

หรืออาจเกิดอาการแพ้น้ำยาซักผ้า สบู่ แป้ง เป็นได้มากมายหลายสาเหตุครับ ถ้าหากต้องการทราบ คงต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยละเอียดต่อไป

ส่วนตั้งครรภ์ ถ้าคุณรับประทานได้ถูกต้องและสม่ำเสมอ เวลาคลาดเคลื่อนไม่มาก หรือไม่เคยลืมรับประทานยา โอกาสในการตั้งครรภ์น่าจะน้อยมาก ๆครับ (น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์)

จริง ๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมถุงยางอนามัยด้วยครับ (ถ้าแต่งงานแล้วครับ) ยกเว้นว่าสามีอาจมีพฤติกรรมเสี่ยง ถ้าแบบนั้น ก็ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยอย่างเดียวจะได้ประโยชน์ทั้งสองกรณี

คือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และคุมกำเนิด โดยที่คุณไม่ต้องเปลืองค่าใช้จ่ายค่ายา และไม่จำเป็นต้องรับประทานฮอร์โมนโดยไม่จำเป็น

3. ถ้าเป็นการดื่มนิดหน่อย 1-2 แก้ว พอเข้าสังคม และไม่ได้มีการดื่มทุกวัน คงไม่ส่งผลต่อการคุมกำเนิดครับ ยกเว้นถ้ารับประทานมาก ๆ จะทำให้เอนไซม์ตับทำงานเพิ่มขึ้น จนอาจลดปริมาณ

ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด จนอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้

ไม่ควรซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใด ๆมารับประทาน ก่อน ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรครับ เนื่องจากบางครั้งที่ขาย ๆกันมักเป็นที่ไม่ผ่านอ.ย. หรือเป็นยาปลอม บางครั้งยาอาจซ้ำซ้อนกัน

จนเกิดเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือยาตีกัน จนผู้ป่วยเสียชีวิตก็มี และหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามจากเภสัชกรร้านยาหรือโรงพยาบาลที่คุณไปติดต่อประจำได้เลย

ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจช้าจนเกินแก้ไขก็ได้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราครับ

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์