กระดานสุขภาพ

กินยาลดความอ้วนระหว่างที่ปล่อยให้มีน้อง เสี่ยงอันตรายต่อเด็กไหมค่ะ
Noon*****y

6 มีนาคม 2557 06:34:21 #1

สวัสดีค่ะ ขอคำปรึำกษาหน่อยค่ะ ตอนนี้แต่งงานแล้ว ได้ประมาณ 2 ปีกว่า อยาำกปล่อยให้มีน้องปล่อยได้ประมาณ เกิบ 1 ปีแล้วก็ยังไม่ติด น้ำหนักตัวกับเพิ่มขึ้น มีแต่คนทัก และล้อว่าอ้วน จาก 50 กก. เป็น 60 กก. แค่ปีเดียวขึ้นเยอะมาก ตอนแรกก็ำไม่คิดอะไร แต่ยิ่งมีคนทักมาก ก็ยิ่งคิดมาก ยิ่งไม่สบายใจ ก็กลัวจะยิ่งติดอยาก ตอนนี้ก็ปล่อยตามธรรมชาติเลื่อย ๆๆ ปรึกษากับสามี เขาก็บอกลดน้ำหนักแต่ก็ให้เลือกวิธีที่ปลอดภัย เผื่อท้องเด็กจะได้ไม่มีปัญหา หนูก็ลองมาหลายวิธี ก็ลดไม่ได้ อดข้าวเย็นไม่ได้ ก็จะปวดท้อง เพราะเป็นโรคกระเพาะด้วย กินสมุนไพรก็ไม่ได้ผม ถ่ายไม่ดีแถมปวดจุกท้องอีก ใสาชุดลดน้ำหนักก็ไม่ได้ผล คือตอนนี่หนูอนากสร้างความสบายใจให้กับตัวเองก่อนค่ะ จิดใจจะได้ดีๆๆไม่คิดมาก จะได้มีลูกง่ายขึ้น

อยากถามคุณหมอว่า

1.ถ้าหนูทานพวกอาหารเสริมลดน้ำหนัก ทีี่มี อย. รับรอง เช่น **** ที่ขายตามท้องตลาด ตามวัตสันทั่วไป แต่เขามีคำเตือนข้างกล่อง ว่า เด็กและสตรีมีครรถ์ไมีควรรับประทาน ตอนนี้หนูก็เลยยังไม่กล้ากิน แต่ก็อยากกิน ถ้ากินตัวนี้และปล่อยให้มีน้องไปด้วย จะอันตรายไหมค่ะ

2. แถวบ้านหนูมีคลีนิก หมอเขามียาลดความอ้วนขาย แต่เขาบอกให้คลุมน้องไว้ก่อน ประมาณ 2 เดือนหยุดกินแล้วค่อยปล่อยต่อ กินยาหยุดอีก 2 อาทิตย์ ก็ประมาณ 3-4 เดือน ถ้าหนูกินตามที่หมอแถวบ้านแนะนำ ยาพวกนี้มันจะตกค้างอยู่ในร่างกายนานไหมค่ะ

ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

 

อายุ: 27 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

6 มีนาคม 2557 14:53:33 #2

ถึง คุณ noonny

คำถามทุกคำถาม ขอความกรุณาไม่ลงชื่อ บุคคลที่ 3 เพราะการกล่าวถึงบุคคลที่ 3 เป็นการขัดต่อคำแนะนำของแพทยสภาคะ ซึ่งทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ noonny ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมคะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

6 มีนาคม 2557 15:45:06 #3

เรียน คุณ noonny,

ไม่แนะนำให้รับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆในการลดน้ำหนัก หากต้องการจะตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจมีผลตกค้างอยู่ในร่างกาย

แนะนำให้ใช้วิธีธรรมชาติจะดีกว่าครับ ทั้งเรื่องการควบคุมอาหาร โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักสด ผลไม้ ที่มีรสไม่หวานจัด พวกแป้งก็รับประทานแบบไม่ขัดสี เพื่อเพิ่มกากใย และได้รับวิตามินที่ดีจากธรรมชาติ หากหิวหรือโหยระหว่างวัน แนะนำให้รับประทานผักสด เช่น คึ่นช่าย หรือแครอท แทน ร่างกายได้วิตามินและกากใย หลีกเลี่ยงการใส่น้ำสลัดมาก ๆ เนื่องจากมีการปรุงแต่งรสมาก ทั้งน้ำตาล น้ำมัน ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน จะช่วยเจือจางกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยบรรเทาอาการท้องผูกด้วยออกกำลังกายอย่างน้อย วันละ 30 นาที ให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาที นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อคืน พยายามอย่าให้ดึกเกิน 23.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ต่อมใต้สมองมีการหลั่ง Growth Hormone ช่วยให้อ่อนเยาว์ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

การนอนดึก ทำให้ร่างกายเกิดความเครียด และจะมีการหลั่งฮอร์โมนสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ทำให้ร่างกายเก็บกักพลังงาน ทั้งน้ำตาล ไขมัน น้ำ โซเดียม ทำให้ร่างกาย "บวม" ฮอร์โมนเพศจะลดการทำงานลง ซึ่งยิ่งทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดลงอีก (เนื่องจากสมองรับรู้ว่า อยู่ในสภาวะเครียด ต้องไม่มีการตั้งครรภ์มาเป็นภาระอีก)
การใช้วิธีธรรมชาติ จะทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง การควบคุมน้ำหนักจะยั่งยืนกว่า ไม่ "โยโย่"
หากต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทางด้านโภชนาการ จะมีการใช้ยา และมีโภชนากร และนักกำหนดอาหาร รวมถึงนักกายภาพบำบัด

ซึ่งคุณต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และมีวินัยในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง แต่ก็จะไม่เหมาะกับการเตรียมตัวเป็นคุณแม่แน่ ๆ แนะนำให้มาปรึกษาแพทย์หลังจากที่ตั้งครรภ์แล้วจะดีกว่า

หมายเหตุ

ไม่ทราบว่าได้รับฮอร์โมนกระตุ้นให้ตกไข่หรือไม่ เพราะถ้าแพทย์มีการใช้ฮอร์โมน ก็จะทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้ง่าย เมื่อหยุดใช้ยาแล้ว อาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ก็จะค่อย ๆหายไปเอง

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล