กระดานสุขภาพ

ปรึกษาเรื่องยาสเตียรอยด์
Anonymous

14 มกราคม 2557 19:10:58 #1

ปัจจุบันเป็นผื่นแพ้สัมผัสที่มือมาเกือบ 1 ปีแล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นก็เมื่อครึ่งปีก่อนตอนไปหาหมอ ตอนนั้นได้ยาผสมเองของหมอมา ไม่มีบอกว่าเป็นยาอะไร ผสมอะไรบ้าง จึงไปหาข้อมูลมาว่ายาที่ให้สำหรับทาผื่นแพ้สัมผัสจะเป็นยาสเตียรอยด์ หลังใช้ไปซักพัก พอผื่นแพ้ทำท่าจะเริ่มหายก็จะกลับมาเป็นอีก ก็ไปหาหมอและรับยามาใหม่ และจะวนซ้ำอยู่แบบนี้ ไม่หายสนิท จึงอยากจะทราบว่า ใช้ติดต่อกันนานๆ แบบนี้จะมีผลอะไรไหม ผลข้างเคียงจะเหมือนการทานยาโดยตรงหรือไม่ ควรมีวิธีป้องกันอะไรไหม เพราะถ้าหากหยุดยา อาการผื่นแพ้สัมผัสก็จะกลับมารุกรามอีก 

**จากที่สังเกตุ น่าจะเกิดจากการแพ้น้ำยาล้างจานทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็หลีกเลี่ยงได้ยาก พอใส่ถุงมือล้างจานก็จะอาการแย่ลงทันที ผื่นแพ้จึงไม่หายสนิทซักที

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 88 กก. ส่วนสูง: 169ซม. ดัชนีมวลกาย : 30.81 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

16 มกราคม 2557 03:54:05 #2

ก่อนอื่นต้องแยกก่อนค่ะ ว่าผื่นแพ้สัมผัสเป็นแบบ ผื่นระคายสัมผัส (Irritant contact dermatitis) หรือผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis)

ผื่นระคายสัมผัส (Irritant contact dermatitis) หมายถึง การเกิดผื่นบวม แดง ขุย เมื่อสัมผัสสารระคายเคือง เช่นกลุ่มสบู่ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ซึ่งเป็นสารที่มีความเป็นกรด ด่างสูง อาจเกิดได้ภายใน 1-2 วันหลังสัมผัสสารนั้นๆ

ส่วนผื่นแพ้สัมผัส (Allergic contact dermatitis) หมายถึง การเกิดผื่นบวม แดง ขุย เมื่อสัมผัสสารที่ร่างกายเกิดปฏิกริยาต่อต้าน มักเป็นตามแนว รอยที่สัมผัสสารนั้นๆ เช่นการแพ้พลาสเตอร์ติดแผล จะเกิดเป็นแนวสี่เหลี่ยมที่ติดพลาสเตอร์ การแพ้รองเท้ายาง จะเกิดเป็นแนวตามรอยที่สัมผัสรองเท้าเป็นต้น ซึ่งการเกิดผื่นอาจเกิดขึ้นได้หลังสัมผัสสารในครั้งแรกแล้ว 7-14 วัน หรือเกิดได้เร็วภายใน 1 วันในกรณีที่เคยสัมผัสสารนั้นๆ มาแล้ว

การยืนยันการวินิจฉัยผื่นแพ้สัมผัส สามารถทำได้ด้วยการทดสอบผื่นแพ้สัมผัส (patch test) โดยจะปิดแผ่นทดสอบที่หลัง และอ่านผลการตอบสนองที่ผิวหนังหลังจากติดสารทดสอบไว้ที่ 48 และ 96 ชั่วโมง

สำหรับในกรณีนี้ ที่บอกว่าเป็นผื่นแพ้สัมผัส แสดงว่าเคยทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัสหรือไม่ค่ะ หรือจริงๆ จากประวัติอาจเป็นแค่ผื่นระคายสัมผัสก็ได้ค่ะ ซึ่งวิธีการรักษาอันดับแรกเลยคือการหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองค่ะ เช่นการใส่ถุงมือเป็นต้น หลีกเลี่ยงการล้างมือบ่อย และเมื่อล้างมือแล้วควรรีบเช็ดมือให้แห้ง และหมั่นทาโลชั่นให้มือชุ่มชื้นเสมอ สำหรับกรณีที่เป็นผื่นแล้ว การใช้ยาทาสเตียรอยด์เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานค่ะ นอกจากนี้ยาอื่นอาจพอช่วยได้เช่น ยาลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์กลุ่ม tacrolimus หรือ pimecrolimus แต่มักให้การตอบสนองไม่ดีเท่ายาทาสเตียรอยด์ และราคาแพงกว่ามาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงค่ะ