กระดานสุขภาพ

เป็นเล็บขบนิ้วเท้าม่วงทั้งนิ้วเลยครับ !!!
Cham*****3

17 กุมภาพันธ์ 2557 18:13:19 #1

ผมเป็นเล็บขบแล้วก่อนหน้านี้ไปดึงเล็บขบออกแล้วหายเจ็บแล้ว แล้วเหมือนว่าผมไปเดินมากอีกวันมามันก็เริ่มเป็นสีม่วงเลยครับจากตอนแรกแดงทั้งเท้า มีหนองด้วยครับแต่ผมเอาเล็บขบออกแล้วนะครับต้องรักษายังไงครับ หรือว่าต้องไปถอดเล็บครับ ???

รูปภาพประกอบครับ !!!

http://haamor.com/media/images/webboardpics/champut123-10273.jpg

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 76 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.46 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

19 กุมภาพันธ์ 2557 04:45:08 #2

เล็บขบ (Ingrown nail) เกิดจากการที่เล็บงอกออกมาแล้วโค้งไปกดขอบเล็บด้านข้าง หรือด้านฐานเล็บได้ ทำให้มีอาการเจ็บ และเมื่อมีการอับชื้น เปียก ก็จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบติดเชื้อได้

ปัจจัยที่มักทำให้เกิดเล็บขบ เช่น

  1. การตัดเล็บที่ไม่เหมาะสม
  2. การใส่รองเท้าที่บีบรัดจนเกินไป
  3. การโค้ง และหนาตัวของเล็บตามอายุ

โดยทั่วไป มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการตัด แคะเล็บที่มากเกินไป หรือการใส่รองเท้าที่บีบรัดมาก
และในกรณีที่เป็นมากจนเกิดการอักเสบ แบ่งเป็น

  1. การอักเสบของขอบเล็บฉับพลัน (Acute paronychia) มักมีการหนอง น้ำเหลืองออกมา มักให้ยาฆ่าเชื้อรับประทานร่วมด้วย เช่นยากลุ่ม dicloxacillin หรือ clindamycin เป็นต้น และแนะนำการดูแลแผลให้แห้ง หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ เลี่ยงการทำให้เปียกชื้น
  2. การอักเสบของขอบเล็บเรื้อรัง (Chronic paronychia) อาจแค่บวม แดง บริเวณขอบเล็บ ไม่มีหนอง ไม่มีน้ำเหลือง การรักษาจะให้แค่ยาทาที่อาจมียาฆ่าเชื้อผสมร่วมกับยาสเตียรอยด์ได้ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ เช่นล้างจาน ซักผ้า เป็นต้น

สำหรับการรักษาเล็บขบ ถ้าเป็นบ่อย ๆ เป็นมากอาจรักษาด้วยการถอดเล็บบางส่วน (บริเวณด้านข้างที่ทำให้เกิดเล็บขบ) ร่วมกับการทำลายบริเวณโคนเล็บ (nail matrixectomy) ที่ทำให้เล็บงอก เพราะถึงแม้เอาเล็บออกไป แต่ไม่ทำลายบริเวณโคนซึ่งเป็นต้นกำเนิดเล็บ ก็จะมีเล็บที่งอกออกมาใหม่ทำให้มีอาการเช่นเดิมได้

ในกรณีของคุณ Champut123 จากประวัติและภาพ ตอนนี้น่าจะเป็นการอักเสบของขอบเล็บชนิดฉับพลัน (Acute paronychia) ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย (secondary bacterial infection)ร่วมด้วย เพราะขอบเล็บบวมแดง มีหนอง น้ำเหลืองออกมาก เข้าใจว่าที่ยังเกิดได้เพราะเมื่อถอดเล็บไป ไม่ได้ทำลายบริเวณโคนเล็บที่ทำให้เล็บงอกได้ ดังนั้นจึงยังมีเล็บงอกออกมาใหม่ ทำให้มีอาการเช่นนี้อีก หรืออาจเกิดจากการที่ใส่รองเท้าแน่นเกินไปก็ได้ ควรต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อ หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าบีบรัด และถ้าไม่ดีขึ้น หรือยังมีอาการซ้ำๆอีก อาจไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาทำการทำลายบริเวณโคนเล็บค่ะ

Cham*****3

19 กุมภาพันธ์ 2557 06:57:27 #3

ครับคุณหมอคือผมพึ่งรู้ว่าผมเผลอไปใส่ยาฆ่าเชื้อยอดแผล(ขวดเล็กๆ4เหลืองอ่าครับ) มันหมดอายุมา 6 เดือนแล้วครับเพราะก่อนหน้านี้นิ้วแค่แดงเฉยๆผมใส่ยาหมดอายุไปประมาณ 4-5 ครั้งได้ครับหยอดลงไปในเล็บแล้วมันก็เริ่มเป็นสีม่วงแบบในภาพเลยครับ ทำยังไงดีครับคุณหมอ

รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

20 กุมภาพันธ์ 2557 10:46:17 #4

จากประวัติน่าจะมีการอักเสบร่วมกับการติดเชื้อ ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลหลักจากการใช้ยาฆ่าเชื้อหมดอายุค่ะ น่าจะเป็นสาเหตุดังที่เคยเขียนตอบไปในคำถามก่อนหน้าค่ะ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมค่ะ

Cham*****3

22 กุมภาพันธ์ 2557 16:45:28 #5

ตอนนี้กินยาอักเสบก็ไม่หายครับ แต่หายเจ็บหายปวดแล้วแต่ยังมีอาการม่วงทั่วนิ้วอยู่ครับ จำหรือกดก็มไ่รุสึกปวดอะไรแต่ว่า ตอนนี้อีกอย่างนึงคือ มันรู้สึกตึงๆที่เล็บด้วยครับ

Cham*****3

22 กุมภาพันธ์ 2557 16:47:09 #6

คือผมไปพบแพทย์ผิวหนังมาเค้าให้ยาอักเสบมากิน มันก็หายปวดแต่มันตึงๆที่เล็บและมีอาการม่วงทั้งนิ้วเท้ายุเลยครับคุณหมอ แต่เบากว่าเดิมตอนนี้มันม่วงแค่ประมาณโคนของเล็บอ่าครับ นอกนั้นออกแดงๆทั้งนิ้วปนม่วง

รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

25 กุมภาพันธ์ 2557 03:55:25 #7

การรับประทานยาฆ่าเชื้อ อาจจำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่องนานพอสมควรค่ะ ถึงจะดีขึ้นทั้งหมด อาจทายาฆ่าเชื้อเช่น fucidic acid หรือ mupirocin cream ร่วมด้วยได้ค่ะ ที่สำคัญ คือพยายามไม่ให้บริเวณนิ้วชื้น หรือโดนน้ำค่ะ ถ้าโดนน้ำ ต้องรีบซับให้แห้ง