กระดานสุขภาพ

ขอสอบถามการรักษาถุงนำ้รังไข่ครับ
Wari*****4

19 กันยายน 2561 13:54:11 #1

แฟนผมอายุ31ปีไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึงครับเนื่องจากปวดหน่วงท้องน้อย คุณหมออัลตร้าซาวพบถุงนำ้ในรังไข่ พบถุงนำ้ในรังไข่ขนาด 4 ซม พร้อมตรวจเลือดดูภาวะเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็ง ผลเลือดปรกติ อีก3วันนัดอัลตร้าซาวใหม่ ก็แจ้งว่าจำเป็นต้องฉีดยาสลายถุงนำ้นั้น ค่ายาค่าห้อง1คืน13000 บาท ก็เลยตัดสินใจฉีดยาเช้าวันนั้น ประมาณ เที่ยงก็ฉีดยาสลายถุงนำ้ ประมาณ 4 โมงเย็นก็แจ้งว่าสามารถกลับบ้านได้เลย จากนั้นก็นัด อีก2ครั้ง ครั้งแรกห่างกัน 7 วัน โดยเจาะเลือดและอัลต้าซาว แต่ไม่แจ้งอะไรแค่บอกว่ายากำลังทำงานอยู่ยังไม่ยุบ จากนั้นอีก3 วันก็นัดมาอัลตร้าซาวอีกครั้งและเจาะเลือด โดยหนนี้แจ้งว่า จะต้องให้ยาเพิ่มเท่ากับจำนวนหนแรก เพราะถุงนำ้ยุบไม่มาก ควรฉีดยาสลายถุงนำ้ใหม่อีกครั้ง หากปล่อยไว้ถุงนำ้อาจแตกได้เป็นอันตรายและต้องผ่าตัด ค่าใช้จ่ายประมาณ12000บาท แฟนผมจึงกลับบ้านมาหาเงิน (แฟนผมเพิ่งผ่าตัดถุงนำ้ในลักษณะเดียวกันแบบเปิดหน้าท้องที่โรงพยาบาลรัฐมาไม่ถึง 3 เดือน พบถุงนำ้อีกครั้งในปีกมดลูกด้านซ้ายเหมือนเดิม และมีบุตรแล้ว2คนคลอดโดยผ่าตัดหน้าท้อง)

กระผมขออนุญาตสอบถาม 1.ว่ายาสลายถุงนำ้มีความจำเป็นมากไหมครับ

                               2.ยาที่หมอฉีดยาให้สลายถุงนำ้นั้น คือยาอะไร คือยาคุมกำเนิดหรือไม่

                               3.กรณีที่เคยผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องและมาเป็นซำ้ ควรรักษาแบบไหนดีครับ

 

อายุ: 31 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 64 กก. ส่วนสูง: 168ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.68 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

20 กันยายน 2561 08:26:55 #2

จากประวัติที่คุณบอกมาหมอเข้าใจว่าแฟนคุณน่าจะมีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และน่าจะเป็นช็อกโกแลตซีสหรือถุงน้ำที่รังไข่ร่วมด้วย ซึ่งแฟนคุณได้รับการผ่าตัดจากโรงพยาบาลของรัฐบาลมา ประมาณ 3 เดือนก่อน ภาวะนี้เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกมีการไปฝังตัวที่รังไข่และในช่วงที่มีประจำเดือนก็จะทำให้มีเลือดออกที่บริเวณรังไข่สะสมกันไปทุกเดือน ดังนั้น หลังการทำผ่าตัดจึงมีโอกาสที่จะเกิดภาวะถุงน้ำที่รังไข่ซ้ำได้อีก หลังผ่าตัดจึงมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดฮอร์โมนหรือกินฮอร์โมนเพื่อไม่ให้มีรอบเดือนเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำของโรค ซึ่งคุณไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนใน 3 เดือนถัดมาหลังผ่าตัดแพทย์พบว่ามีถุงน้ำที่รังไข่ขนาด 4 เซนติเมตร ซึ่งก็น่าจะเกิดจากช็อกโกแลตซีสซึ่งเป็นโรคเดียวกันกับที่คุณเคยผ่าตัดที่โรงพยาบาลรัฐบาลในครั้งก่อน มีการกลับเป็นซ้ำใหม่ หมอค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมคุณถึงไม่ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเดิม ทำไมย้ายโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ภาวะนี้ไม่ได้สัมพันธ์กับเรื่องของมะเร็ง แต่เป็นโรคที่ทำให้เกิดความรำคาญ มีอาการปวดประจำเดือนทุกเดือนและจะทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากด้วย หลังการทำผ่าตัดรักษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ยาฮอร์โมนเพื่อยับยั้งไม่ให้ถุงน้ำที่รังไข่เกิดขึ้นได้อีก โดยใช้ฮอร์โมนกดการทำงานของรังไข่ไว้ ฮอร์โมนที่ใช้มีหลายชนิด ตั้งแต่ยารับประทานซึ่งเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดแผงแบบฮอร์โมนรวมทั่วไปมีราคาถูก หรืออาจจะใช้เป็นฮอร์โมนโปรเจสโตเจนชนิดกินวันละเม็ด ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้นและจะต้องรับประทานทุกวัน หรืออาจจะใช้เป็นยาฉีดคุมกำเนิดทั่วไปโดยฉีดต่อเนื่องกันไปเดือนละ 1 เข็ม นาน 6 เดือนก่อน จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นฉีด 3 เดือนเข็ม ยาที่คุณใช้จากโรงพยาบาลเอกชนนั้นหมอเข้าใจว่าเป็นยาฉีดในกลุ่มของ GnRH agonist ซึ่งจะออกฤทธิ์กดการทำงานของต่อมใต้สมองทำให้ไม่ส่งสัญญาณมาที่รังไข่เป็นการกดรังไข่ทางอ้อม การรักษาด้วยยาชนิดนี้จะมีราคาสูงมาก เข็มละเป็นหมื่น ถ้าคุณไม่ไหวและมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบและเปลี่ยนแนวทางการรักษาเป็นทางเลือกอื่นน่าจะดีที่สุด ควรเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับเรา ยาที่บอกว่าสลายถุงน้ำนั้นเป็นไปไม่ได้ ในกรณีที่คุณมีถุงน้ำแล้วถุงน้ำก็ยังคงมีอยู่แต่กดเอาไว้เพื่อไม่ให้มันโตขึ้น การที่ถุงน้ำที่เป็นชอกโกแลตซีสต์จะฝ่อไปเองนั้นค่อนข้างจะยาก ยกเว้นเป็นถุงน้ำที่เกิดจากการตกไข่ปกติซึ่งจะฝ่อไปได้เองไม่ต้องใช้ยารักษา คุณจะต้องรับการตรวจติดตามด้วยอัลตราซาวด์เป็นระยะ ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นเกิน 4 ถึง 5 cm การรักษาด้วยฮอร์โมนมักจะไม่ได้ผลสุดท้ายมักจะต้องใช้การผ่าตัดซ้ำลงไปใหม่ การรักษาที่ยั่งยืนก็คือการผ่าตัดออกทั้งหมดได้แก่ ตัวมดลูกและรังไข่ซึ่งไม่สามารถทำได้ในคนไข้ที่ยังมีอายุน้อยและยังไม่มีบุตร แพทย์จะเลือกวิธีการรักษาแบบประคับประคองเพื่อให้มดลูกและรังไข่ยังคงอยู่และสามารถมีบุตรได้ในอนาคต หมอแนะนำว่าคุณควรกลับไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐเหมือนเดิมเพื่อที่จะให้แพทย์แนะนำเรื่องแนวทางการรักษาโดยการใช้ฮอร์โมนอย่างต่อเนื่องต่อไปเพราะค่าใช้จ่ายในการฉีดยารักษาจะถูกลงมากค่ะ

Wari*****4

20 กันยายน 2561 12:43:05 #3

ขอบพระคุณ คุณหมอครับ