กระดานสุขภาพ
การฉีดวัคซีนอีสุกอีใส | |
---|---|
19 พฤศจิกายน 2560 04:52:33 #1 1. อยากสอบถามว่าถ้ายังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสแต่เคยฉีดวัคซีนแล้วตอนเด็กแต่ฉีดไปแค่1เข็มค่ะตอนนี้อายุ22ควรไปฉีดอีกรอบไหมคะ 2. ถ้าหากไม่ฉีดอีกรอบแล้วถ้าเป็นจะเป็นน้อยกว่าคนที่ไม่เคยฉีดเข็มแรกมั้ยคะ กลัววัคซีนมันเสื่อมสภาพไปแล้วอะค่ะ 3. ถ้าหากฉีดแล้วผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนเท่าที่เคยอ่านมาบอกว่าจะมีไข้และมีตุ่มขึ้น ซึ่งผลข้างเคียงนี้จะเกิดกับทุกคนไหมคะหรือเป็นเฉพาะบางคน 4. แล้วหากหลังฉีดมีอาการข้างเคียงมีไข้มีตุ่มขึ้นแล้วคนที่อยู่รอบข้างที่ไม่เคยเป็นจะติดเชื้อไหมคะ |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.23 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
3 ธันวาคม 2560 08:32:52 #2 โรคอีสุกอีใส (Chickenpox) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเทอร์ (Varicella Zoster) ทำให้เกิดผื่นพุพองเป็นตุ่มน้ำใสที่บริเวณผิวหนัง ตุ่มเหล่านี้จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการคัน และตุ่มเหล่านี้ยังสามารถกระจายไปยังผิวหนังบริเวณต่างๆทั่วร่างกาย โดยในช่วงของการติดเชื้อ 1-2 วันแรก ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยล้า มีไข้สูง ปวดศีรษะร่วมกับความอยากอาหารลดลง โรคอีกสุกอีใสเป็นโรคติดต่อผ่านการไอ จาม หรือการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยปกติโรคนี้ไม่มีความรุนแรงแก่ผู้ป่วย อย่างไรก็ดี มีรายงานการติดเชื้อขั้นรุนแรงในผู้ป่วยบางราย เช่น การเกิดภาวะผื่นผิวหนังอักเสบรุนแรง กระดูกอักเสบข้ออักเสบ ภาวะขาดน้ำ ปอดอักเสบ และเสียชีวิตได้ ภายหลังจากผู้ป่วยหายจากอาการโรคอีสุกอีใสแล้วนั้น เชื้อไวรัสจะยังอยู่ในปมประสาทของร่างกาย และอาจแสดงอาการของโรคอีกได้เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีในรูปแบบของโรคงูสวัด วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส/วัคซีนอีสุกอีใส (Varicella Vaccine หรือ Chickenpox Vaccine หรือย่อว่า VZV) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น(Live attenuated vaccine)กล่าวคือ เชื้อไวรัสอีสุกอีใสยังมีชีวิต แต่ได้ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลงจนไม่สามารถก่อโรคได้ แต่ยังสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน/ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายได้ และให้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอีสุกอีใสได้กว่าร้อยละ 98(98%)หลังการฉีดวัคซีนนี้ 2 ครั้ง และยังช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคอีสุกอีใสกว่าร้อยละ 90(90%)ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2005 (จากปีละ 4 ล้านรายต่อปีเป็น 4 แสนคนต่อปี) สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย แนะนำให้วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสเป็นวัคซีนเสริม โดยให้เมื่อเด็กมีอายุครบ 1 ปี ขึ้นไป โดยฉีดทั้งสิ้น 2 ครั้ง องค์การอนามัยโลกยังบรรจุวัคซีนชนิดนี้ในบัญชียาจำเป็นขององค์การอนามัยโลกที่ควรมีในระบบสาธารณสุขมูลฐานอีกด้วย วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส มีทั้งรูปแบบวัคซีนชนิดเดี่ยว (VZV) กับวัคซีนรวม โดยรวมกับวัคซีนป้องกันโรค หัด(Measles) คางทูม(Mump) หัดเยอรมัน(Rubella) โดยเรียกย่อวัคซีนรวมนี้ว่า “วัคซีนMMRV” ซึ่งวัคซีนรวมนี้ทำให้เกิดความสะดวกในการฉีดวัคซีนมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเชื้อวาริเซลลา 2 สายพันธุ์ที่นำมาใช้ในการผลิตวัคซีนอีสุกอีใส คือสายพันธุ์ OKA ที่แยกได้จากตุ่มผิวหนังของเด็กชายชาวญี่ปุ่น และสายพันธุ์ MAV/06 ที่แยกได้จากเด็กชาวเกาหลีใต้ โดยมีรูปแบบเภสัชภัณฑ์เป็นวัคซีนผงแห้ง (Lyophilized) บริหาร/ฉีควัคซีนเข้าใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ครั้งละ 0.5 มิลลิลิตร
โดยทั่วไป วัคซีนป้องกันโรคอีกสุดอีใส อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง)เช่น ก. ผลข้างเคียงเฉพาะที่: เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดวัคซีน ข. ผลข้างเคียงทั่วไป: ผู้รับวัคซีนบางรายอาจมีไข้ภายหลังการฉีดวัคซีนนี้ ซึ่งอาการไข้จะหายไปเอง หรือดูแลตนเองโดย กินยาลดไข้Paracetamol แต่หากอาการไข้ไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วันหลังฉีดวัคซีนนี้ หรืออาการแย่ลง ผู้รับวัคซีนควรรีบมาโรงพยาบาล *อย่างไรก็ตาม หากผู้รับวัคซีนมีอาการแพ้ยา/แพ้วัคซีนนี้ เช่น มีผื่นคันขึ้นตามลำตัว ริมฝีปาก เปลือกตา/หนังตา ใบหน้า บวม หายใจไม่สะดวก/หายใจลำบาก ผู้รับวัคซีนควรรีบพบแพทย์/พยาบาล/มาโรงพยาบาลโดยทันที/ ฉุกเฉิน โดยทั่วไป วัคซีนโรคอีสุกอีใสเหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย แนะนำวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสเป็นวัคซีนเสริม แนะนำให้ฉีดทั้งสิ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่ออายุ 12-18 เดือน และอีกครั้งหนึ่งเมื่ออายุ 4-6 ปี *อย่างไรก็ดี หากมีการระบาดของโรคอีสุกอีใส วัคซีนเข็มที่สองอาจฉีดก่อนอายุ 4 ปีก็ได้ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ แต่ต้องห่างจากครั้งแรกอย่างน้อย 3 เดือน ในกรณีที่ผู้รับวัคซีนอายุมากกว่า 13 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน |
Jiso*****o