คือเดือนที่แล้ว 2 กันยายน ผมรุ้สึกถ่ายเป็นเลือดสีดำมั้ง ปวดท้องเหมือนท้องเสียถ่ายครับ ต่อมา มันปนเขียวครับ เหลว สีน้ำตาลแดงวันที่5กันยายน ถ่ายเขียวปนดำ ประมาณ 8กันยา ก็ถ่ายปกติครับ

น้ำหนักตอนนั้นประมาณ90หลายเดือนล่ะ พอไปหาหมอ ชั่งเหลือประมาณ82-83ครับ ไม่คงที่ครับ ชีพจรประมาณ110ครับ

อาการท้องเหมือนตะคริวที่ท้อง ประมาณวันที่10ของเดือนกันยาครับ สรุปครับ ตรวจเลือดปกติทุกอย่าง ชีพจรปกติ ผมได้รับผลเลือดแล้ววันที่4กันยายน สรุปปปติหมดครับ แต่อาการยังเป็นอยู่ครับ หรือผมคิดไปเองหรือป่าวครับ มันเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ไรไหมครับ ต้องตรวจข้าลในท้องไหมครับ หมอบอกผมวิตกังวล

เพิ่มเติมครับ ตอนอุจจาระเบ่งเไม่ค่อยเหมือนมันเกร็งเป็นตะคริวหดไปเลยครับ ต้องออกแรงเบ่ง เหมือนกล้ามเนื้อหูรูดไม่ค้อนดีอ่ะครับ แล้วก็มีก้อนในทวารด้วยครับ

คือเดือนยิงหาคมที่แล้ว อาการคล้ายลำไส้แปรปรวนครับ พอเดือนกันยา รุ้สึกท้องเป็นตะคริว มีเสียงในท้อง อุจจาระเหลว ท้องผูก สลับครับ

คือตื่นมารุ้สึกปวดท้องเหมือนตะคริวอ่ะครับ พอพูดไรไปเหมือนตะคริวไปเลย คล้ายเราขำมากๆอ่ะครับ

หมอครับถ้าตรวจเลือดใหม่บอกเค้าตรวจไรครับ ของผมตรวจcbc ไทรอยปกติครับ ตรวจค่าการตกตะกอนเลืออด้วยครับesr อ่ะครับ

ต้องตรวจเบือดการตกตะกอนเลือไหมครับ ที่บอกว่ามีเลือดออกข้างในหรือการเสบอ่ะครับ

ผมหาสาเหตุเป็นตะคริวช่วงท้องไม่ได้อ่ะ ครับ ต้องตรวจเลือดที่เกี่ยวกับเป็นตะคริวด้วยไหมครับ ขอบคุณมันยาวหน่อยครับ

คือเดือนที่แล้วผมถ่ายเหลว บางทีมีมูกออกมาด้วย ไม่ค่อยมีอุจจาระเลย นานๆครั้งครับ

เรียนคุณ cfe85

>> การวินิจฉัยโรคของหมอใช้การซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์ที่เกี่ยวข้อง จึงจะได้การวินิจฉัยที่แม่นยำและรักษาได้ตรงกับโรคมากที่สุดค่ะ

>> จากอาการที่คุณเล่ามา ต้องดูว่าอาการตะคริวที่ท้องเนี่ย จริงๆแล้วเป็นอาการปวดท้องลักษณะใด ตำแหน่งที่ปวดที่สุดบริเวณไหน ปวดตลอดเวลาหรือเป็นพักๆ ระดับความปวดคือพอรู้สึกรำคาญหรือปวดรุนแรงมาก สัมพันธ์กับการรับประทานอาหารหรือการขับถ่ายหรือไม่ และนอกจากประวัติที่เล่ามาแล้ว ควรตรวจร่างกายโดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง ว่ามีความผิดปกติหรือไม่

>> โรคที่เป็นไปได้มากที่สุดคือโรคลำไส้แปรปรวน โรคนี้พบได้บ่อยในคนอายุน้อย โดยจะมีลักษณะดังต่อไปนี้

1. ปวดท้องบริเวณกลางท้องหรือท้องด้านล่าง ลักษณะคล้ายเหมือนอยากถ่ายอุจจาระ หรือบางคนอาจแค่รู้สึกไม่สบายท้อง มีลมในท้อง รู้สึกเหมือนมีอะไรในก้น อยากไปถ่ายบ่อยๆ โดยอาการเป็นมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อเดือน ใน 3 เดือนที่ผ่านมา รวมกับมีอาการ 2 ใน 3 ข้อดังต่อไปนี้

- อาการปวดท้องหรือไม่สบายท้องดีขึ้นหลังถ่ายอุจจาระออกไป

- มีจำนวนครั้งของการถ่ายต่อวันเปลี่ยนไป

- มีลักษณะของอุจจาระที่เปลี่ยนไป

2. โรคลำไส้แปรปรวนแบ่งย่อยตามอาการเด่นที่ผู้ป่วยเป็นได้แก่

- ชนิดท้องผูกเด่น (อุจจาระก้อนแข็ง ต้องเบ่ง ถ่ายน้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อสัปดาห์)

- ชนิดท้องเสียเด่น (อุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือคล้ายโคลน ถ่ายมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อวัน)

- ชนิดท้องผูกสลับท้องเสีย ( 2 ชนิดข้างบนสลับกัน)

3. ตรวจร่างกายจะปกติ หรืออาจคลำได้ลำอุจจาระตกค้างในลำไส้ใหญ่ในผู้ป่วยชนิดท้องผูก

4. การตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์ การตรวจเลือดไม่ได้ช่วยในการวินิจฉัย โดยส่วนใหญ่จะทำเพื่อตัดสาเหตุอื่นๆที่เป็นไปได้ออกไป สิ่งที่คุณควรตรวจคือการตรวจอุจจาระเพื่อดูว่ามีเลือดปนออกมาโดยที่ตามองไม่เห็นหรือไม่ มีเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง พยาธิ ผิดปกติออกมาหรือไม่

- หากพบเลือดหรือเม็ดเลือดปนออกมา ควรตรวจเพิ่มเติมโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ทางทวารหนักต่อเพื่อหาสาเหตุของโรคอื่นๆ เช่นโรคลำไส้อักเสบ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

- หากปกติ ไม่น่าจะมีโรคร้ายแรงเช่นมะเร็งหรือลำไส้อักเสบ แต่ถ้าคุณยังกังวลมากเกี่ยวกับโรคที่ร้ายแรงข้างต้น อาจต้องคุยกับแพทย์เรื่องการส่องกล้องว่ามีความจำเป็นหรือไม่ และ ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการส่องกล้องคืออะไรบ้างแล้วคุณรับความเสี่ยงได้หรือไม่

>> ที่คุณเล่าว่าเคยมีการถ่ายอุจจาระลักษณะสีดำเหมือนเลือดออก ที่จริงต้องดูว่าเป็นเลือดจริงหรือไม่ เพราะสีของอุจจาระของคนเราเปลี่ยนแปลงตามลักษณะอาหารที่กิน หากเป็นเลือดจริงนอกจากจะมีสีดำหรือแดงแล้ว ควรมีกลิ่นเหม็นคาวร่วมด้วย หากไม่แน่ใจว่าใช่เลือดจริงหรือไม่ คุณอาจจะถ่ายรูปสีอุจจาระไว้แล้วนำไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญดู และอาจตรวจอุจจาระเพื่อยืนยันว่าเป็นเลือดจริงหรือไม่

>> อาการที่เสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้แก่มีประวัติครอบครัวญาติสายตรงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่, มีถ่ายเป็นมูกปนเลือด, ท้องผูกสลับเสีย เบื่ออาหารน้ำหนักลดมากๆ

>> หลังจากได้รับทราบข้อมูลข้างต้นแล้ว หากคุณยังไม่แน่ใจ ควรไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหาร เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

>> การรักษาโรคลำไส้แปรปรวน (หากแพทย์ตรวจแล้ว ยืนยันว่าเป็นโรคนี้)

1. สำคัญที่สุดคือต้องทำให้คุณสบายใจว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอื่นๆเช่นลำไส้อักเสบหรือมะเร็งลำไส้ เพราะโรคลำไส้แปรปรวนเป็นโรคเกี่ยวกับการทำงานของลำไส้ผิดปกติแต่ลำไส้มีโครงสร้างปกติดังนั้นคุณควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน

2. โรคนี้เป็นแล้ว อาจจะไม่หายขาด เพราะปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการเกิดจากอาหาร ความเครียด แต่สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ

3. โรคนี้เป็นแล้วไม่เพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงอื่นๆมากกว่าคนธรรมดาคนอื่น

4. การปฏิบัติตัว

- หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม อาหารเผ็ด รศจัด อาหารมัน กระเทียม หัวหอม แอปเปิ้ล แตงโม มะม่วง หรือให้สังเกตว่ากินอะไรแล้วมีอาการมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยง

- ผ่อนคลายความเครียด ออกกำลังกาย เคลื่อนไหวร่างกาย จะช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น

- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วหรือ 2 ลิตร

5. การรักษาด้วยยา มียาหลายชนิด ขึ้นกับอาการที่เป็นเด่น

ขอบคุณครับหมอ คือก่อนหน้าผมมีอากาคล้ายลำไส้แปรปรวนช่วงเดือนสิงหาครับ เดือนกันยา ผมถ่ายดำครั้งเดียวครับ ดำปนเขียว เหลว1ครั้ง อาทิตย์นึงครับ ตอนนี้อุจจาระปกติครับ ตรวจเลือดปกติครับ น้ำลดลงโดยมั้งครับ หมอบอกปกตรวจเลือดปกติ

ผมไม่สบายท้อง ท้องเหมือนเป็นตะคริว ท้องเกร็ง ตอ นถ่าย เหมือนมันเกร็งไปเลยตอนออกแรงหน่อยๆครับ

คือเหมือนเราขำๆอ่ะครับมันเกร็งหน้าท้อง ผมไม่สบายท้องหลายอาทิตย์ล่ะครับ

ตื่นมารู้สึกไม่สบายท้องเหมืนตะคริวกินท้องหลายครั้งล่ะครับ พอพูดไรไปท้องเกร็ง หายใจท้องเกร็งพุงไม่ปอง คืออาการตะคริวไม่ครับ

หมอครับ ต้องตรวจเลือดesrไหมครับ การกตะกอนเลือด เช่นมีเลือดออกข้างในร่างกายครับ เลือดออกทางเดินอาหารอ่ะครับ

เหมือนน้ำหนักผมลดลงด้วยแต่ไม่เยอะครับ คือตรวจเลือดปกติครับ

อุจจาระออกน้อยไม่ถ่ายไม่หมดไม่สุด กินเยอะถ่าย หมอตอบด้วยครับ

ตอนออกแรงเบ่งตอนถ่าย ถ่ายไม่ค่อยออก

เรียนคุณ cfe85

1. ความรู้สึกเหมือนตะคริวที่ท้อง ต้องดูว่าอาการสัมพันธ์กับการใช้งานหรือเกร็งหน้าท้องหรือไม่ เช่น ไอ เบ่ง ยกของหนัก เล่นกีฬา

ถ้าอาการเป็นมากขึ้นจากการใช้งาน อาจจะมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องเกร็งตัว

สรุปแล้ว ขึ้นกับการตรวจร่างกายด้วย ว่าบริเวณที่เป็น เป็นที่กล้ามเนื้อหรือในช่องท้อง

2. ESR ไม่ได้ใช้เพื่อตรวจหาเลือดออกในทางเดินอาหารค่ะ จึงไม่มีความจำเป็นต้องตรวจ

การดูเลือดออกในทางเดินอาหาร ใช้การตรวจอุจจาระ (stool occult blood test)

3. น้ำหนักลด ถ้าลดแบบผิดปกติคือ ลดมากกว่า 5% ใน 1 เดือน หรือ 10% ใน 6 เดือน

เช่นถ้าเดิมหนัก 90 kg ลดลงมามากกว่า 4.5 kg ใน 1 เดือน หรือ 9 kg ใน 6 เดือน

แบบนี้ถึงจะถือว่าผิดปกติค่ะ

ชอบคุณครับหมอ หมอถ้าเกิดเกร็งในช่องท้องเป็นโรคไรบ้างครับ เป็นตะคริว เช่นเยื่อบุอักเสบไรเนี่ยครับ แต่ผมไม่มีอาการเจ็บนะ เหมทอรกันเกร็ง หรือ ตะคริวเฉยๆครัย

หมอครับผมมีก้อนในรูทวารครับ และตอนเบ่งมันโผล่ครับ อีกอย่างครับ ตอนผมถ่ายอยู่ๆมันเกร็งครับ เหมือนกล้ามเนื้อหูรูดทวารไม่ดีครับ

ไม่ใช่เยื่อบุช่องท้องอักเสบค่ะ

เยื่อบุลำไส้อักเสบล่ะครัย เคยหาในเน็ต เค้าบอกว่าเป็นตะคริวช่องท้องส่วนล่างอ่ะ ใช่ไหมครับ ขอบคุณครับคุณหมอที่น่ารักครับ

ผมไม่ได้เป็นโรคร้บใช่ไหมครับ

ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายใช่ไหมครับ

หมอตอบผมด้วยครับ

สวัสดีค่ะ บางครั้งคุณหมออาจติดภาระกิจ ทำให้ไม่สามารถตอบคำถามได้ทันที แต่ยังไงคุณหมอจะเข้ามาตอบแน่นอนค่ะ

เยื่อบุลำไส้อักเสบ มักจะมาด้วยอาการถ่ายเหลวเรื้อรังค่ะ

ส่วนคุณจะเป็นโรคร้ายหรือไม่ หมอบอกไม่ได้หรอกค่ะ อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า การวินิจฉัยโรค ต้องใช้การตรวจร่างกายร่วมด้วยค่ะ

หากไม่แน่ใจการวินิจฉัย คุณควรไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารอีกครั้งจะชัวร์กว่าค่ะ

ตั้งแต่ท้องเกร็งผมรู้สึกไม่สบายท้อง เหมือนแสบๆทั่วท้องอ่ะครับ รู้สึกเป็นตอนตื่นนอนอ่ะครับ หลายครั้งล่ะ ปวดแปลกๆอ่ะครับ

อุจจาระถ่ายน้อยลง เหมือนถ่ายไม่สุดอ่ะครับ