กระดานสุขภาพ
สอบถามเกี่ยวกับ Acute nephritic syndrome | |
---|---|
4 ตุลาคม 2560 12:57:54 #1 คืออยากรู้ว่าอาการของผู้ป่วย Acute nephritic syndrome นอกจากปัสสาวะน้อยแล้วยังมีอาการอะไรที่แสดงว่าผู้ป่วยเป็น Acute nephritic syndrome และการตรวจวินิจฉัย คือหลังจากผู้ป่วยพบแพทย์แล้ว นี่จะมีวิธีการตรวจอย่างไรบ้างครับ ที่จะทำให้รู้ว่าเป็นโรค เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มาด้วยอาการปัสสาวะขัด ปล.ผู้ที่เป็นความดันต่ำจะมีความเสี่ยงของโรคมากกว่าคนความดันปกติมั้ยครับ ปลล.อยากได้คำอธิบายโดยละเอียดมากๆเลยครับ ปลลล.ขอบคุณมากนะครับ อาจจะเยอะๆหน่อย |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.51 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
7 ตุลาคม 2560 12:13:09 #2 ไตอักเสบ (Nephritis) หมายถึง โรคของไตที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อไตที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชนิดหลักคือ 1.Glomerulus ถ้าเป็นพหูพจน์คือ Glomeruli: เป็นเนื้อเยื่อที่เปลี่ยนแปลงมาจากหลอดเลือดเล็กๆที่ทำหน้าที่กรองสิ่งต่างๆจากเลือดที่ผ่านมายังไตเช่น กรองปัสสาวะ เป็นต้น 2.Tubule:เนื้อเยื่อที่เป็นท่อเล็กๆที่นำสิ่งที่ไตกรองออกหรือปัสสาวะเพื่อกำจัดออกจากไตผ่านส่วนที่เรียกว่า กรวยไต/Renal pelvis และ 3.Interstitial tissue: เนื้อเยื่อที่ล้อมรอบอยู่ระหว่าง Glomerulus และ Tubule ไตอักเสบที่เกิดการอักเสบอย่างรวดเร็ว โดยไตจะมีลักษณะบวมใหญ่ขึ้นเรียกว่า “ไตอัก เสบเฉียบพลัน (Acute nephritis)” ซึ่งมักมีอาการรุนแรงจนอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันและเสียชีวิต (ตาย) ได้ หรือถ้าสาเหตุไม่รุนแรงอาจรักษาให้หายได้ แต่ถ้าไตอักเสบที่อาการค่อยๆเกิดโดยระยะแรกอาการไม่รุนแรง แต่อาการจะค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับไตมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆจนในที่สุดเกิดโรคไตเรื้อรังและไตวายในที่สุดเรียกว่า “ไตอักเสบเรื้อรัง (Chronic nephritis)” ไตอักเสบพบได้ทั้งในผู้หญิงในผู้ชายและในทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ โดยอาจเกิดกับไตเพียงข้างเดียว (ข้างซ้ายหรือข้างขวามีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงกัน) หรือกับไตพร้อม กันทั้ง 2 ข้างทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ ซึ่งสถิติการเกิดไตอักเสบในภาพรวมยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน เพราะโดยทั่วไปมักแยกรายงานตามแต่ละสาเหตุซึ่งมีสถิติการเกิดได้ต่างๆกัน ขึ้นกับแต่ละเชื้อชาติ โรงพยาบาล และแต่ละประเทศ สาเหตุของไตอักเสบได้แก่ ก. สาเหตุของ Glomerulonephritis: เช่น
ข. สาเหตุของ Interstitial nephritis/Tubulointerstsitial nephritis ที่บางสาเหตุเป็นสาเหตุเดียวกับ Glomerulonephritis เช่น
อาการจากไตอักเสบมีได้หลากหลายที่พบได้บ่อยได้แก่
ก. อาการของ Glomerulonephritis: อาการที่พบได้บ่อยคือ ปัสสาวะเป็นเลือดโดยสีปัสสาวะจะเข็มเหมือนสีน้ำปลา, ปัสสาวะเป็นฟอง (เพราะมีโปรตีนปนมาในปัสสาวะซึ่งจะไม่พบในภาวะไตปกติ) และบวมทั่วร่างกายพบบ่อยที่ใบหน้า รอบตา ข้อเท้า และเท้า
ส่วนอาการที่พบได้แต่ไม่บ่อยนักเช่น ปวดหลัง ท้องเสียที่หาสาเหตุไม่ได้ คลื่นไส้ อา เจียน ปัสสาวะปริมาณมากหรือปัสสาวะปริมาณน้อยผิดปกติ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีไข้ ความดันโลหิตสูง มีเลือดออกง่ายจึงอาจมีเลือดกำเดาออก หรือไอเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือดได้
ข. อาการจาก Tubulointerstitial nephritis: เป็นอาการที่คล้ายกับอาการจาก Glomerulonephritis เช่นกันเช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะมากหรือปัสสาวะน้อย อาจมีไข้ ตัวบวม คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูง
แพทย์วินิจฉัยไตอักเสบได้จากประวัติอาการ ประวัติทางการแพทย์ต่างๆที่รวมถึงโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ การตรวจเลือด ดูการทำงานของไตและดูค่าสารต่างๆที่จะช่วยการวินิจฉัยหาสาเหตุเช่น สารภูมิต้านทานต่างๆ นอกจากนั้นคือการตรวจภาพไตอาจด้วยอัลตราซาวด์ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และ/หรือเอมอาร์ไอ และอาจจำเป็นต้องส่องกล้องตรวจทางเดินปัสสาวะ และ/หรือตัดชิ้นเนื้อจากไต เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยาที่จะช่วยการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น
แนวทางการรักษาโรคไตอักเสบคือ การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ และร่วมกับการรักษาประคับประคองตามอาการ
ก. การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ: จะแตกต่างกันไปขึ้นกับแต่ละชนิดของโรคเช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุเกิดจากไตติดเชื้อแบคทีเรีย, การหยุดยาหรือหยุดการได้รับสารพิษต่างๆ อาจร่วมกับการให้ยาที่ใช้ต้านพิษยาเหล่านั้นถ้ามียาต้านพิษ (เช่น ยา Edetate calcium disodium ที่ใช้รักษาพิษจากสารปรอท) ถ้าสาเหตมาจากยาหรือสารพิษ, การรักษาควบคุมโรคออโตอิมมูนเมื่อสาเหตุมาจากโรคนี้ เป็นต้น
ข. การรักษาประคับประคองตามอาการ: เช่น การให้ยาลดความดันโลหิตถ้ามีความดันโลหิตสูง, การล้างไตกรณีมีภาวะไตวาย ซึ่งทั้งนี้รวมไปถึงการจำกัดอาหารรสเค็มและการบริโภคอาหารในกลุ่มอาหารในโรคไต เป็นต้น
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคไตอักเสบที่สำคัญคือ
|
Anonymous