กระดานสุขภาพ
รู้สึกเหมือนอุจาระไม่สุด | |
---|---|
11 สิงหาคม 2560 07:15:49 #1 สอบถามอาการครับ ก่อนหน้านี้มีอาการท้องผูกจนอึบาดทวารเป็นแผล หลังจากนั้นไปพบแพทย์มาอาการต่อมาคือเบื่ออาหารไม่อยากกินอะไรเลย ตื่นเช้าเวลาถ่ายก็จะมีแต่ลมถ่ายไม่ออกนั่งซักพักจะถ่ายเป็นนิ่มๆปกติ แต่เหมือนจะถ่ายไม่สุดเลยนั่งต่อหลังจากนั้นจะออกมาเป็นก้อนเล็กๆเรียวๆบ้างเป็นใยๆบ้างไม่เหลวเป็นน้ำ พอกลับมานั่งได้ซักพักเหมือนรู้สึกปวดอุจาระอีกเหมือนที่ถ่ายไปไม่สุด ไปนั่งถ่ายก็จะเป็นแบบเดิมคือออกมามีน้ำๆมีใยๆครับ แบบนี้ผิดปกติมั้ยครับเป็นผลข้างเคียงจากยารึเปล่า ได้ยา Ibuprofen 400mg กับ Reparil-Dragees และ Cyclo 3 fort มาทานครับ เป็นโรคอะไรรึเปล่าครับกังวลและเครียดมากเลย |
|
อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 67 กก. ส่วนสูง: 168ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.74 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Jjss*****1 |
11 สิงหาคม 2560 11:45:34 #2 ล่าสุดนั่งถ่ายออกมามีแค่เส้นๆสองสามเส้นแล้วก็ถ่ายไม่ออกอีก ยังมีอาการปวดเหมือนถ่ายไม่สุดมีอะไรดำๆในอุจจาระด้วย ปกติมั้ยครับแบบนี้
ภาพครับ http://haamor.com/media/images/webboardpics/jjssaa1-37677.jpg |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
12 สิงหาคม 2560 05:01:45 #3 ท้องผูก (Constipation) เป็นอาการ ไม่ใช่โรค ได้แก่ อาการไม่ถ่ายอุจจาระตามปกติ ซึ่งโดยคำนิยามทางการแพทย์ ท้องผูกหมายถึงความผิดปกติทั้งจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ ซึ่งต้องน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ลักษณะของอุจจาระต้องแห้ง แข็ง การขับถ่ายต้องใช้แรงเบ่งหรือใช้มือช่วยล้วง และภายหลังอุจจาระแล้วยังมีความรู้สึกว่าอุจจาระไม่สุด ท้องผูก เป็นอาการพบบ่อยมากประมาณ 12% ของประชากรทั้งโลก พบได้ในทุกอายุตั้ง แต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบได้บ่อยกว่าในเด็ก (จากกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่ายในเด็กยังเจริญเติบ โตไม่เต็มที่) และในผู้สูงอายุ (จากกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่ายเสื่อมตามอายุ รวมทั้งผู้สูงอายุยังขาดการเคลื่อนไหวและมักมีโรคประจำตัวที่ส่งผลถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่าย) และผู้ หญิงพบได้บ่อยกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นผลจากฮอร์โมนเพศที่แตกต่างกัน ท้องผูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยคือ เกิดจากลำไส้เคลื่อนตัวช้ากว่าปกติหรือบีบตัวลดลง ทั้งนี้เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้จากมีลำอุจจาระเล็ก เช่น จากกินอาหารที่ขาดใยอาหาร และ/หรือ ดื่มน้ำน้อย อุจจาระจึงแข็งและลำอุจจาระเล็ก ลำไส้จึงบีบตัวลดลง อุจจาระจึงเคลื่อนตัวได้ช้า ปัจจัยต่อการเกิดอาการท้องผูกที่พบบ่อยคือ กินอาหารมีกากใยต่ำ (กินผักผลไม้น้อย) แนวทางการรักษาอาการท้องผูกที่สำคัญคือ การเพิ่มมวลอุจจาระและทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มเคลื่อนที่ได้ง่าย ซึ่งคือ การกินอาหารมีใยอาหารสูง (ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่วต่างๆ) และดื่มน้ำสะ อาดวันละมากๆเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม (เช่น โรคหัวใจล้มเหลว) อย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว และเคลื่อนไหวร่างกายออกกำลังกายเสมอ ถ้าอาการท้องผูกยังคงมีอยู่ไม่ดีขึ้นหลังปรับเปลี่ยนอาหาร ดื่มน้ำ และเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย อาจใช้ยาแก้ท้องผูกโดยปรึกษาเภสัชกรก่อนเสมอ ถ้าซื้อยากินเอง เมื่อใช้ยาแก้ท้องผูกนานเกิน 5 - 7 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะการใช้ยาแก้ท้องผูกบ่อยๆจะยิ่งกลับมาท้องผูกมากขึ้นและต้องเพิ่มปริมาณใช้ยามากขึ้นจนอาจก่ออันตรายได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มวนท้อง ปวดท้อง นอกจากนั้นคือ การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อเป็นสาเหตุของท้องผูก เป็นต้น โดยทั่วไปอาการท้องผูกไม่รุนแรง เมื่อปรับพฤติกรรมการกิน/ดื่มน้ำและเคลื่อนไหวออกกำ ลังกายเพิ่มขึ้น อาการท้องผูกจะหายไปเอง แต่ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดอาการท้อง ผูกโดยไม่เคยเป็นมาก่อนและอาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ แต่เมื่อใช้ยาแก้ท้องผูกแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ภายใน 5 - 7 วันหลังใช้ยาเพื่อหาสาเหตุ และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากยาแก้ท้องผูกถ้าใช้ยานานกว่านี้ดังกล่าวแล้ว การดูแลตนเองเมื่อท้องผูก เช่นเดียวกับการป้องกันท้องผูกคือ กินอาหารมีใยอาหารสูงในทุกมื้ออาหาร ดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้วยังท้องผูก ควรรีบพบแพทย์หรือพบแพทย์เป็นการฉุกเฉินขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เมื่อท้องผูกร่วมกับ ปวดเบ่งมากเมื่อถ่าย |
Jjss*****1