กระดานสุขภาพ
ขับถ่ายผิดปกติ | |
---|---|
25 กรกฎาคม 2560 15:07:46 #1 ช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ผมปวดท้องถ่ายบ่อยๆ เวลาถ่ายออกมามันจะเป็นก้อนเล็กๆ ใหญ่สุดก็แค่ประมาณก้อนเท่านิ้วโป้งครับ ช่วง 1-2 วันแรก ผมถ่ายถี่ประมาณ 1 ชั่วโมงครั้งหนึ่ง แต่พักหลังก็ค่อยๆหาย จนตอนนี้จะถ่ายถี่แค่ 3-4 ครั้ง แล้วก็เว้นยาวเลยครับ ลักษณะการกินของผม ผมชอบทานของมันๆ ชอบทานเนื้อสัตว์ ผักกินครับแต่น้อยแล้วก็ ดื่มน้ำอัดลมทุกวัน วันละขวด อยากจะสอบถามว่าควรไปพบแพทย์ไหม แล้วก็อยากทราบว่าผมเป็นโรคอะไร |
|
อายุ: 15 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 14.69 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Poi *****n |
25 กรกฎาคม 2560 15:15:31 #2 เพิ่มเติมครับ หลายปีมาแล้วจนถึงปัจจุบัน ผมรู้สึกว่าผมถ่ายเหลวบ่อยมากกว่าถ่ายแข็งปกติอีก เหมือนจะท้องเสียบ่อยๆด้วยครับ แต่ก็ไม่ได้ถ่ายออกมาน้อยเหมือน 3-4 วันที่ผ่านมานี้ เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาถ่ายออกมาในปริมาณที่น้อยมากจริงๆ รู้สึกว่าถ่ายไม่สุดครับ |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
29 กรกฎาคม 2560 07:54:56 #3 ท้องผูก (Constipation) เป็นอาการ ไม่ใช่โรค ได้แก่ อาการไม่ถ่ายอุจจาระตามปกติ ซึ่งโดยคำนิยามทางการแพทย์ ท้องผูก หมายถึงความผิดปกติทั้งจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ ซึ่งต้องน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ลักษณะของอุจจาระต้องแห้ง แข็ง การขับถ่ายต้องใช้แรงเบ่งหรือใช้มือช่วยล้วง และภายหลังอุจจาระแล้วยังมีความรู้สึกว่าอุจจาระไม่สุด ท้องผูก เป็นอาการพบบ่อยมากประมาณ 12% ของประชากรทั้งโลก พบได้ในทุกอายุตั้ง แต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบได้บ่อยกว่าในเด็ก (จากกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่ายในเด็กยังเจริญเติบ โตไม่เต็มที่) และในผู้สูงอายุ (จากกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่ายเสื่อมตามอายุ รวมทั้งผู้สูงอายุยังขาดการเคลื่อนไหวและมักมีโรคประจำตัวที่ส่งผลถึงการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อการขับถ่าย) และผู้ หญิงพบได้บ่อยกว่าผู้ชาย ซึ่งอาจเป็นผลจากฮอร์โมนเพศที่แตกต่างกัน ท้องผูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยคือ เกิดจากลำไส้เคลื่อนตัวช้ากว่าปกติหรือบีบตัวลดลง ทั้งนี้เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้จากมีลำอุจจาระเล็ก เช่น จากกินอาหารที่ขาดใยอาหาร และ/หรือ ดื่มน้ำน้อย อุจจาระจึงแข็งและลำอุจจาระเล็ก ลำไส้จึงบีบตัวลดลง อุจจาระจึงเคลื่อนตัวได้ช้า ปัจจัยต่อการเกิดอาการท้องผูกที่พบบ่อยคือ กินอาหารมีกากใยต่ำ (กินผักผลไม้น้อย) แนวทางการรักษาอาการท้องผูกที่สำคัญคือ การเพิ่มมวลอุจจาระและทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มเคลื่อนที่ได้ง่าย ซึ่งคือ การกินอาหารมีใยอาหารสูง (ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่วต่างๆ) และดื่มน้ำสะ อาดวันละมากๆเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม (เช่น โรคหัวใจล้มเหลว) อย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว และเคลื่อนไหวร่างกายออกกำลังกายเสมอ ถ้าอาการท้องผูกยังคงมีอยู่ไม่ดีขึ้นหลังปรับเปลี่ยนอาหาร ดื่มน้ำ และเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย อาจใช้ยาแก้ท้องผูกโดยปรึกษาเภสัชกรก่อนเสมอ ถ้าซื้อยากินเอง เมื่อใช้ยาแก้ท้องผูกนานเกิน 5 - 7 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะการใช้ยาแก้ท้องผูกบ่อยๆจะยิ่งกลับมาท้องผูกมากขึ้นและต้องเพิ่มปริมาณใช้ยามากขึ้นจนอาจก่ออันตรายได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มวนท้อง ปวดท้อง นอกจากนั้นคือ การรักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น รักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อเป็นสาเหตุของท้องผูก เป็นต้น โดยทั่วไปอาการท้องผูกไม่รุนแรง เมื่อปรับพฤติกรรมการกิน/ดื่มน้ำและเคลื่อนไหวออกกำ ลังกายเพิ่มขึ้น อาการท้องผูกจะหายไปเอง แต่ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดอาการท้อง ผูกโดยไม่เคยเป็นมาก่อนและอาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเองภายใน 1 - 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ แต่เมื่อใช้ยาแก้ท้องผูกแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ภายใน 5 - 7 วันหลังใช้ยาเพื่อหาสาเหตุ และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากยาแก้ท้องผูกถ้าใช้ยานานกว่านี้ดังกล่าวแล้ว การดูแลตนเองเมื่อท้องผูก เช่นเดียวกับการป้องกันท้องผูกคือ กินอาหารมีใยอาหารสูงในทุกมื้ออาหาร ดูแลตนเองในเบื้องต้นแล้วยังท้องผูก ควรรีบพบแพทย์หรือพบแพทย์เป็นการฉุกเฉินขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เมื่อท้องผูกร่วมกับ ปวดเบ่งมากเมื่อถ่าย |
Poi *****n