กระดานสุขภาพ

โรค sle
Anonymous

17 ธันวาคม 2559 00:47:57 #1

คือเพื่อนหนูเขาเป็นโรคนี้อ่ะค่ะพอจะมีวิธีรักษาให้หายขาดไหมคะคือหนูเป็นห่วงเขาอ่ะค่ะช่วงนี้เป็นช่วงสอบด้วยกลัวจะเครียดเกินไปอ่ะค่ะเขาเลยเรียน รด.ไม่ได้อ่ะค่ะพอจะมีวิธีรักษาไหมคะ
อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 171ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

24 ธันวาคม 2559 13:57:53 #2

โรคลูปัส หรือ โรคเอสแอลอี หรือ โรคพุ่มพวง (Lupus หรือ SLE หรือ Systemic lupus erythematosus) คือ โรคภูมิแพ้ตนเอง หรือ โรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune disease) ชนิดหนึ่ง เกิดจากการที่ร่างกายสร้างสารภูมิคุ้มกันต้านทาน หรืออิมมูน (Immune) ผิดปกติ โดยต้านเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆได้กับทุกเนื้อเยื่อ/อวัยวะ เป็นผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง (ชนิดไม่ใช่จากการติดเชื้อ) ของเนื้อเยื่อ/อวัยวะได้ทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งที่ก่อให้เกิดอาการได้บ่อย คือ การอักเสบของ ผิวหนัง ข้อ กล้ามเนื้อ ปอด หัวใจ ไต ระบบเลือด/โลหิต/ไขกระดูก และระบบประสาท ทั้งนี้ โรคลูปัส/เอสแอลอี จัดเป็นโรคเรื้อรังโรคหนึ่ง

ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานผิด ปกติ แต่จากการศึกษาเชื่อว่า น่ามาจากการผิดปกติจากพันธุกรรม โดยน่าเกิดจากความผิดปกติของจีน/ยีน (Gene) หลายๆจีน ซึ่งมีทั้งชนิดถ่ายทอด/ได้ และชนิดไม่ถ่ายทอดนอกจากนั้น ยังมีตัวเสริม/ปัจจัยเสี่ยง เช่น

  1. เพศ เพราะพบโรคได้สูงในผู้หญิง
  2. การติดเชื้อบางชนิดทั้งจากแบคทีเรีย และไวรัส บางชนิด
  3. การถูกแสงแดดจัดเรื้อรัง
  4. การแพ้สิ่งต่างๆ รวมทั้งอาหารบางชนิด (ผู้ป่วยควรต้องสังเกตเองว่า แพ้อะไร แล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น)
  5. การสูบบุหรี่
  6. ฮอร์โมนเพศหญิง (เพราะโรคนี้เกิดในผู้หญิงสูงกว่าในผู้ชาย ถึงประมาณ 7-10 เท่า) และ/หรือการตั้งครรภ์
  7. จากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยาป้องกันการชัก ยาคุมกำเนิด และยาลดน้ำหนักบางชนิด ซึ่งเมื่อเกิดจากยา หลังหยุดยา โรคมักหายได้
  8. อารมณ์ อาการเครียด
  9. การทำงานหนัก และ การออกกำลังกายเกินควร

อาการของโรคลูปัส/เอสแอลอี เหมือนกันทั้งในเด็ก และในผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นโรคมีอาการได้หลากหลายจากการอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของหลายๆเนื้อเยื่อ/อวัยวะทั่วร่างกาย แต่ละอาการเป็นอาการเรื้อรัง เป็นๆหายๆ และแต่ละคนมีอาการต่างกัน ไม่เหมือนกัน แบ่งอาการต่างๆออกเป็นกลุ่มอาการได้ หลายกลุ่มอาการ ได้แก่ กลุ่มอาการทั่วไปไข้โดยหาสาเหตุไม่ได้ ปวดศีรษะเรื้อรัง เบื่ออาหาร ผอมลง เช่น เหนื่อยล้า มีกลุ่มอาการทางผิวหนังผิวหนังขึ้นผื่นแดง หาสาเหตุไม่ได้ มักขึ้นในบริเวณส่วนตรงกลางและโหนกแก้มสองข้างของใบหน้าลักษณะคล้ายผีเสื้อ จึงเรียกว่า ผื่นรูปผีเสื้อ (Butterfly rash) และผมร่วง อาจร่วงเป็นหย่อม หรือร่วงทั้งศีรษะกลุ่มอาการทางข้อ/กล้ามเนื้อปวดข้อ กล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการบวม/แดงร่วมด้วย เกิดได้กับทุกข้อ แต่มักเกิดกับข้อเล็กๆ เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า

  1. กลุ่มอาการทางปอด/หัวใจ เช่น เจ็บหน้าอก ไอ ปอด/เยื่อหุ้มปอดอักเสบมีน้ำในปอด เหนื่อย เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หัวใจเต้นผิดปกติ
  2. กลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร
  3. กลุ่มอาการทางไตความดันโลหิตสูง และมีสารไข่ขาว (Albumin) ในปัสสาวะ เป็นอาการจากการอักเสบของไต เช่น บวมน้ำ (ขาบวม)
  4. กลุ่มอาการทางโรคระบบโลหิตวิทยาภาวะซีดจากเม็ดเลือดแดงต่ำ มีเม็ดเลือดขาวต่ำจึงติดเชื้อได้ง่าย มีเกล็ดเลือดต่ำจึงมีเลือดออกได้ง่าย และมีการอักเสบของหลอดเลือด อาจเห็นเป็นจุดแดงๆเล็กๆทั่วตัว คล้ายจากโรคไข้เลือดออก (โรคเลือด) มี
  5. กลุ่มอาการทางระบบประสาทโรคจิต เช่น อาการชักโดยไม่ทราบสาเหตุ แขน/ขาอ่อนแรง ไม่มีสมาธิ

ปัจจุบันยังไม่มียา หรือวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ แต่เป็นการรักษาให้โรคสงบเป็นพักๆ และการรักษาประคับประคองตามอาการ วิธีการรักษาต่างๆ เช่น หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น/ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดอาการ ดังกล่าวแล้ว ให้ยากดภูมิคุ้มกันต้านทานของร่างกาย เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ หรือยาเคมีบำบัดบางชนิดที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง
ให้ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่จากการติดเชื้อ ยาแก้ปวดต่างๆ เมื่อมีอาการปวด การรักษาควบคุมโรคต่างๆที่เป็นผลข้างเคียง เช่น โรคไตเรื้อรัง หรือ ยาควบคุมอาการชักที่กำลังอยู่ในการศึกษา คือ การปลูกถ่ายไต และการศึกษาหาต้นเหตุของโรค โดยเฉพาะในเรื่องของพันธุกรรมต่างๆ เพื่อให้การรักษาได้ถูกต้อง และอย่างเฉพาะเจาะจง และหาทางในการป้องกันการเกิดโรค