กระดานสุขภาพ

เส้นเลือดฝอยแตกใต้ท้องแขน มีอาการแสบ
Kanj*****a

20 กรกฎาคม 2558 06:55:37 #1

มีอาการแสบ เจ็บใต้รักแร้ ถึงช่วงใต้ท้องแขน ทั้ง 2 ข้าง (เหมือนอาการผิวหนังเสียดสีกันเนื่องจากความอ้วน) มาประมาณ 1 อาทิตย์กว่าๆ และ 2 วันนี้ มีอาการปวดจี๊ดตลอดเวลา 

ช่วงอาทิตย์แรกจับใต้ท้องแขนดู พบเซลลูไลท์ จำนวนมาก ประมาณวันที่ 9 พบว่ามี เส้นเลือดฝอยแตกกระจายเต็มไปหมด

สันนิษฐานจากตัวเองคาดว่าอ้วนมากจึงเกิดอาการเช่นนี้ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ค่ะ ปัจจุบันยังไม่ได้ไปพบแพทย์ ใช้วิธีปรับพฤติกรรมตนเอง ดังนี้

1. นน.ตัว เดิม 57 เพิ่มขึ้นเป็น 67 กก. ภายใน 1 ปี เนื่องจากเวลาพักผ่อนน้อย  ทานอาหารเย็นแล้วนอนเลยไม่ได้ออกกำลังกาย ตื่นมาทำงานตอนดึก ถึงเช้า บางวันไม่ได้นอนเลย ใช้เวลาพักผ่อนเวลาเดินทางบนรถเป็นส่วนใหญ่

2. ออกกำลังกาย โดยการเดินเร็วและแกว่งแขน และปรับอาหาร ทานน้อยลง ตั้งแต่วันที่เริ่มมีอาการเจ็บใต้ท้องแขนจนถึงปัจจุบันค่ะ

3. ประมาณ วันที่ 4 ซื้อยาที่ลดอาการแตกลายหน้าท้องมาทาใต้ท้องแขน

4. รับประทานยาลดความอ้วนควบคู่ เป็นสารสกัดจากเปลือกส้มคาซีเนีย

5. นน.ปัจจุบัน 65.7 กก.ค่ะ 

    ปัจจุบันอาการเจ็บและแสบใต้ท้องแขนยังไม่ลดลง ควรไปพบแพทย์หรือไม่คะ และควรพบแพทย์ทางไหนดีค่ะ หรือทางเลือกในการปรับพฤติกรรมและออกกำลังกายเพียงพอแล้วค่ะ

อายุ: 40 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 66 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
อาจารย์พีระพรรณ โพธิ์ทอง

นักวิชาการโภชนาการ

4 สิงหาคม 2558 09:59:35 #2

ส่วนสูง 160 เซนติเมตร ควรมีน้ำหนักตัว 54 กิโลกรัม ค่าดัชนีมวลกายจะ = 21.09 kg./m2
ขณะนี้น้ำหนักตัวเกินคิดเป็น = 124 % ( เกิน 120 % ควรลดน้ำหนัก )

เพื่อลดน้ำหนักกำหนดให้ร่างกายควรได้รับพลังงาน 15 - 20 แคลอรี่ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
ในที่นี้กำหนดเป็น = 67 x 15 = 1,005 แคลอรี่ต่อวัน

ตัวอย่างการกินอาหารใน 1 วัน

เช้า ไข่ขาวต้ม 4 ฟอง จะได้พลังงาน 70 แคลอรี่
นมไขมันต่ำ 250 ซี.ซี จะได้พลังงาน 90 แคลอรี่
เที่ยง ก๋วยเตี๋ยวน้ำหมู จะได้พลังงาน 275 แคลอรี่
แอปเปิ้ล 1 ผล จะได้พลังงาน 60 แคลอรี่
บ่าย ฝรั่ง 1 ผล จะได้พลังงาน 120 แคลอรี่
นมถั่ว 1 กล่อง จะได้พลังงาน 110 แคลอรี่
เย็น ยำวุ้นเส้นหมูสับ จะได้พลังงาน 280 แคลอรี่

รวมได้พลังงาน 1,005 แคลอรี่ต่อวัน

อาหารเย็นห้ามกินแล้วนอนเลย ต้องนอนหลังกินสัก 2 ชั่วโมง
และต้องออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 45 - 60 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
เพื่อให้น้ำหนักลดลง 0.5 - 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
ในการลดน้ำหนักควรใช้การปรับเปลี่ยนการกินอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
ไม่ควรลดโดยกินยาลดน้ำหนักเองเพราะอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น การกินยาควรอยู่
ภายใต้การควบคุมของแพทย์

กรณีอาการเจ็บและแสบใต้รักแร้แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นการเจ็บจากกล้ามเนื้อ
มีการอักเสบ หรือจากการที่ทายาที่ลดอาการแตกลายหน้าท้องมาทาใต้ท้องแขนแล้วแพ้หรือเปล่าจะดีกว่า


พีระพรรณ โพธิ์ทอง