สำหรับผู้มีส่วนสูง 165 ซม. น้ำหนักที่ควรจะเป็นควรจะเป็น 58 - 65 กิโลกรัม

การที่มีน้ำหนัก 45 - 47 กิโลกรัม ภาวะโภชนาการผอม = 76 - 81% ของน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น

พลังงานที่ควรได้รับเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการกับร่างกาย = 35 - 40 แคลอรี่ / น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม/วัน
= 1575 - 1800 แคลอรี่ต่อวัน

และเนื่องจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ 5 ปี เคยมีอาการแสบท้อง ต้องสังเกตว่าที่ผ่านมานั้น

- พฤติกรรมการกินอาหารไม่เป็นเวลา

- กินเนื้อสัตว์น้อยหรือเป็นมังสวิรัติ ซึ่งระบบการย่อยจะย่อยอาหารได้ภายใน 2-3 ขั่วโมงเพราะมีแต่อาหาร
กลุ่มคาร์โบไฮเดรททำให้หิวบ่อยแต่ไม่ได้กินเพิ่มเมื่อหิว

- ชอบกินอาหารรสจัดมากเกินไป ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนการกินอาหารให้เป็นเวลา ไม่เผ็ดมาก มีเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายเช่น ปลามากกว่าเนื้อหมู ถ้ากินมังสวิรัติก็ต้องกินอาหารเพิ่มขึ้นทุก 2-3 ชั่วโมงไม่ให้ท้องว่างนานเกินไป และยังมีอาการเบื่ออาหารอยู่นั้น จากการที่เป็นโรคกระเพาะอยู่หลายปี อาจส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่างได้เนื่องจากกระเพาะอาหารเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบการย่อยอาหาร เมื่อมีความผิดปกติของกระเพาะอาหารก็ส่งผลกระทบต่อการการย่อยและการดูดซึมสารอาหารไปด้วย สารอาหารที่จะขาดได้ ยกตัวอย่างเช่น

- วิตามินบี 12 พบในเนื้อสัตว์ไม่พบในพืช กระเพาะอาหารจะย่อยโปรตีนโดยผลิตน้ำย่อยเพปติน และสร้างสาร
ที่มีชือว่า อินทรินซิค แฟคเตอร์ ( Instrinsic Factor) ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินบี 12 และนำไปใช้ได้ เมื่อกระเพาะอาหารอักเสบก็จะส่งผลต่อการผลิตน้ำย่อยและสารที่จำเป็นต่อการดูดซึมทำให้ร่างกายได้รับวิตามินบี 12 ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ อาการที่ขาดวิตามินบี 12 พบว่าทำให้เกิดภาวะโลหิตจางชนิดเม็ดเลือดโตผิดปกติ (Megaloblas anemia) อาจมีอาการอ่อนเพลีย อ่อนแรง วิงเวียนศรีษะ เจ็บลิ้น เบื่ออาหารร่วมด้วย และทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับเส้นประสาทและระบบประสาทซึ่งอาจมีอาการชาตาม ส่วนต่างๆ ของร่างกาย หงุดหงิดง่าย หลงลืมบ่อยมีปัญหาทางความจำ ผู้ที่ขาดวิตามินชนิดนี้จะมีอาการให้เห็นก็กินเวลานาน 3 - 5 ปี

- สังกะสี พบได้ในเนื้อสัตว์และพืช มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบการเจริญเติบโต ภูมิคุ้มกันโรค ระบบสืบพันธุ์ และพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและพฤติกรรม ซึ่งถ้าร่างกายขาดสังกะสีจะทำให้มีอาการเบื่ออาหาร มีการรับรู้รสอาหารลดน้อยลงได้ เป็นต้น

ในขณะนี้การกินอาหารแนะนำให้กินครบทุกหมู่ในแต่ละมื้อ ย่อยง่าย กิน 3 มื้อหลักและมีอาหารระหว่างมื้อเป็นอาหารว่างเบาๆเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการและไม่ให้กระเพาะทำงานหนักเกินไป
ตัวอย่างการกินอาหารใน 1 วัน 

เช้า โจ๊กไก่ใส่ไข่สุกๆ โยเกิต 1 ถ้วย

สายๆ แซนวิชทูน่า 1 คู่ (ทำจากขนมปังสีน้ำตาล 2 แผ่น)

เที่ยง ราดหน้าทะเล 1 จาน มะละกอ

บ่าย ซาละเปาใส้หมูสับ น้ำเต้าหู้

เย็น ข้าวกล้อง 1 ทัพพี แกงจืดผักกาดขาว + เต้าหู้หมูสับ ปลาผัดคึ่นฉ่าย กล้วยน้ำว้า

การที่มีน้ำหนักลดลงจาก 52 กิโลกรัมเป็น 44 กิโ่ลกรัมภายใน 6 เดือน ซึ่งเท่ากับมีน้ำหนักลดลงมากกว่า 5 % ภายใน 1 เดือน ทางด้านโภชนาการต้องให้สังเกตุดูปริมาณอาหารที่กินอยู่เหมือนเดิมหรือว่าลดลงจากเดิม มีกิจกรรมการทำงาน การออกกำลังกาย แตกต่างหรือเหมือนเดิม ถ้าไม่แตกต่างกันเลยแต่น้ำหนักลดลงควรปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงให้ได้ต่อไป