น้ำตาลในเลือดมาจาก2แหล่ง

1. จากอาหารคาร์โบไฮเดรท
2. สร้างเองในร่างกายโดยผ่านตับ

ในคนปกติเมื่อเรารับประทานอาหารโดยเฉพาะอาหารคาร์โบไฮเดรท อาหารจะถูกย่อยเป็นกลูโคสอยู่ในกระแสเลือดแดง ขณะเดียวกันอาหารจะกระตุ้นสารอินครีตินในลําไส้ให้ไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินซึ่งทําหน้าที่เหมือนกุญแจพากลูโคสจากกระแสเลือดเข้าเซล และไปห้ามฮอร์โมนกลูคากอนจากตับอ่อน ทําให้ตับไม่สร้างน้ำตาล ดังนั้นในคนปกติไม่ว่าจะกินอาหารมากเท่าไร ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะอยู่ในเกณฑ์ปกติเสมอ เนื่องจากกลไกดังกล่าว เมื่อเราไม่ได้รับประทานอาหาร ซึ่งมักเป็นตอนกลางคืน น้ำตาลในประแสเลือดจะได้มาจากการสร้างจากตับอย่างเดียว ขณะเดียวกันตับอ่อนก็จะหลั่งอินซูลินปริมาณน้อยๆ เพื่อทําให้น้ำตาลในเลือดปกติตลอดเวลา แต่น้ำตาลในแต่ละวินาทีไม่จําเป็นต้องเท่ากันตลอด

ในคนปกติน้ำตาลก่อนอาหารแต่ละมื้อจะน้อยกว่า100 มก/ดล และน้ำตาลหลังอาหาร จะน้อยกว่า 140 มก/ดล ส่วนน้ำตาลช่วงกลางคืนก็ควรต่ํากว่า100 มก/ดล แต่ในคนที่เป็นเบาหวาน กลไกนี้จะเสียไป เมื่อผู้ป่วยเบาหวานรับประทานอาหาร ตับควรจะหยุดสร้างน้ำตาล แต่กลับไม่หยุด ทําให้น้ำตาลในเลือดสูงมาก ขณะเดียวกันตับอ่อนก็สร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอ แถมอินซูลินยังประสิทธิภาพไม่ดีที่จะพากลูโคสจํานวนมากเข้าเซลได้

สําหรับคุณ ไม่ทราบว่าเป็นเบาหวานอยู่แล้ว และได้รับการรักษาอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นก็จัดอยู่ในพวกที่คุมได้ดีแม้คุณจะไม่บอกค่าเบาหวานสะสม (HbA1c) แต่ถ้าคุณยังไม่เป็นเบาหวานก็ต้องระวังเพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง