เห็นด้วยที่จะลดน้ำหนักเพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน ในการลดน้ำหนักก็ทำได้โดย 3 อ.
คือ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ เป็นหลัก ทั้ง 3 อย่างจะช่วยให้การคุมน้ำหนักได้ผลรวม
100 % ตามที่ตั้งใจไว้

มื้อเช้า กินปกติ ร่างกายและสมองต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์เพื่อดำเนินกิจกรรมในวันนั้นๆ

มื้อเที่ยง การกินผลไม้อย่างเดียวก็จัดเป็น 1 มื้ออาหารได้เพียงแต่ไม่ครบหมวดหมู่อาหารที่ควรได้รับ และขึ้นกับปริมาณที่กินถ้ากินปริมาณมากก็อาจเทียบเท่ากินอาหารปกติ 1 มื้อได้เช่นกัน เพราะผลไม้ก็ให้พลังงานสูงพอๆ กับกินข้าว ยิ่งถ้าเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน ชอบ ก็อาจยิ่งกินเป็นกิโลกรัมและหยุดกินยากร่างกายอาจได้รับพลังงานมากกว่ากินข้าวแบบปกติเสียอีก ดังนั้นต้องจำกัดปริมาณและชนิดของผลไม้ที่กินด้วย

มื้อเย็น ไม่แน่ใจว่างดไปเลยหรือเปล่า ถ้างดกินและเป็นความเคยชินอยู่แล้วรอบดึกก็ไม่หิว นอนหลับได้สบายก็ไม่เกิดโทษกับร่างกาย แต่ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารอยู่ การอดอาหารเย็นอาจทำให้โรคกำเริบได้ และถ้ากินอาหารเย็นโดยใช้วิธีลดปริมาณอาหารก็อาจล้มเหลวที่จะจำกัดอาหารได้เช่นกัน

เมื่อพิจารณาการกินอาหารแต่ละหมวดหมู่จะใช้เวลาย่อยที่แตกต่างกัน

กลุ่มข้าว-แป้ง,ผลไม้ ( คาร์โบไฮเดรท) ร่างกายจะย่อยหมดใน 2 ชั่วโมง

กลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่ นม ( โปรตีน ) ร่างกายจะย่อยหมดใน 3-4 ชั่วโมง

กลุ่มไขมัน ร่างกายจะย่อยหมดในหลายชั่วโมง

ดังนั้นอาหารในแต่ละมื้อถ้ากินเฉพาะผลไม้ร่างกายก็จะย่อยหมดในเวลา 2 ชั่วโมงซึ่งก็จะส่งผลให้รู้สึกหิวเร็วกว่าปกติได้ และถ้าไม่มีประวัติโรคประจำตัวก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่ถ้ามีแนวโน้มว่าน้ำตาลในเลือดเริ่มสูงเกินค่าปกติ การกินผลไม้อย่างเดียวและถ้าปริมาณมากๆ ก็อาจมีผลให้น้ำตาลในเลือดสูงยิ่งขึ้นได้ ข้อสำคัญเมื่อหิวเร็วขึ้นและถ้ากินอาหารเย็นก็อาจทำให้ยิ่งกินเพิ่มมากขึ้นมากกว่าลดอาหารเย็น

การคุมอาหารโดยร่างกายได้รับพลังงานในแต่ละวันลดลงและมีการดึงเอาที่เก็บในร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงานแทน โดยมื้อเช้ากินปกติ เที่ยงกินพอให้อยู่ได้และอาจลดลง 50 % ของที่เคยกินและกินให้หลากหลาย งดอาหารเย็น งดขนมขบเคี้ยว น้ำหวาน น้ำอัดลมไปเลย และมีการออกกำลังกายร่วมด้วยอย่างน้อยก็จะสามารถลด 1/2 - 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแน่นอน