สวัสดีค่ะ

พอดีหมอไม่เห็นรูปค่ะ เลยบอกได้ยากค่ะ ว่าเกิดจากอะไร หรือน่าจะเป็นอะไรนะคะ เนื่องจากคำอธิบายที่ให้ข้อมูลหมอมานั้น สามารถเป็นได้หลายอย่างค่ะ หมอจะขอตอบสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คร่าวๆ อย่างกว้างๆนะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง หรือหากต้องการการวินิจฉัยที่แน่ชัด อาจจำเป็นต้องมีการซักประวัติและตรวจตาอย่างละเอียดอีกครั้งโดยจักษุแพทย์นะคะ จากลักษณะที่มีปลายเส้นเลือดแดงมีคล้ายๆเม็ดกลมๆสีดำๆ ระคายเคืองตาเป็นทีๆ นั้น อาจเป็นได้ดังนี้ค่ะ

- หากจุดนั้นมีลักษณะเหมือนก้อนนูนๆเล็กๆด้วย ร่วมกับมีเส้นเลือดมาเลี้ยง คิดถึงว่าน่าจะมีการรวมกันของเม็ดเลือดขาว ทำให้มีอาการตาแดง เยื่อบุตาบวมๆได้ มีอาการคัน รู้สึกระคายเคืองเหมือนมีอะไรอยู่ในตา อาจมีขี้ตาร่วมด้วย น้ำตาไหล กลัวแสง อาจเกิดจากภูมิแพ้ต่อเชื้อบางอย่าง เช่น Staphylococcus spp., Mycobacterium, Candida, coccidiides, Chlamydria or nematodes โดยพยาธิสภาพสามารถเข้ามาในกระจกตาดำร่วมด้วยได้ เรียกว่า phyctenule บางครั้งสามารถหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ ตรงส่วนที่เป็นเฉพาะเยื่อบุตาขาวมักไม่มีแผลเป็น แต่บริเวณที่เข้ามาในกระจกตาดำนั้น สามารถมีแผลเป็น ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นแผลเป็นลักษณะคล้ายรูปลิ่ม ยื่นเข้ามาในตาดำ ในพยาธิสภาพที่เป็นที่กระจกตาดำนั้น สามารถเกิดซ้ำได้นะคะ หรือหากการอักเสบเป็นมากก็สามารถมีพยาธิสภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เข้ามาในตาดำลึกขึ้น ทำให้มีผลต่อการมองเห็นได้

โดยการรักษาภาวะนี้นั้น จำเป็นต้องทำการรักษาทั้งการติดเชื้อและการอักเสบ คือ อาจใช้การให้ยาลดการอักเสบแบบหยอด อย่างไรก็ตามควรทำความสะอาดหนังตา เพื่อลดปริมาณเชื้อ โดยการประคบอุ่นที่เปลือกตา 4-6 นาที อาจใช้เจลที่ใช้ประคบตานำไปแช่น้ำอุ่นแล้วนำมาประคบที่ตา จากนั้นนวดตาโดยที่เปลือกตาบนให้นวดจากบนจากล่าง ที่เปลือกตาล่างให้นวดจากล่างขึ้นบน ประมาณ 10 ครั้ง แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาเช็ดเปลือกตาทำความสะอาดเปลือกตาอีกครั้ง โดยทำวันละ 2 ครั้งค่ะ นอกจากนั้น อาจต้องทำการเพาะเชื้อว่าเป็นเชื้อใด และให้การรักษาโดยการให้ยาฆ่าเชื้อ ตามชนิดของเชื้อค่ะ

-อาจเป็นจากเส้นเลือดขนาดเล็กมีการโป่งพอง เรียกว่า microaneurysm ซึ่งหากเป็นขนาดใหญ่ มีประมาณเยอะๆ ก็อาจจำเป็นต้องตรวจร่างการและเลือด เพื่อหาสาเหตุของเส้นเลือดโป่งพองดังกล่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจากชนิด sickel cell โรคเส้นเลือด arteriosclerosis ตรวจหาเส้นเลือดที่คออุดตัน เช่น carotid occlusion เป็นต้น ค่ะ

-อาจเป็นการขดงอของเส้นเลือดที่เยื่อบุตาขาว ที่เรียกว่า conjunctival telangiectasia ซึ่งในบางครั้งสามารถทำให้มีเลือดออกที่ใต้เยื่อบุตาได้ด้วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ หรือเป็นโรคทางร่างกายอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น osler-weber- rendu syndrome, ataxia telangiectasia, Fabry's disease, sturge-weber syndrome เป็นต้นค่ะ

-หากมีก้อนนูน และมีเส้นเลือดมาเลี้ยง (feedind vessle) ก็อาจเป็นเนื้องอกได้ ซึ่งจำเป็นต้องตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อหาชนิดของเนื้องอกต่อไปค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พญ.มณฑากร อภิญญาณกุล

จักษุแพทย์