กระดานสุขภาพ

ตาซ้าย เวลามองจะเห็นแสงพร่าๆ อยู่ด้านบนซ้ายของตาทำให้มองไม่เห็นในจุดนั้นที่มีแสง
Sura*****a

25 เมษายน 2560 05:10:06 #1

ตาซ้าย เวลามองจะเห็นเงาแสงพร่าๆ อยู่ฝั่งด้านบนซ้ายของตา (เป็นจุดประมาณ1-2ซม) ทำให้เวลาเหล่ตาไปทางซ้ายจะมองภาพตรงจุดนั้นไม่เห็น เพิ่งจะมีอาการค่ะ แต่ก่อนเคยเป็นโรคไมเกรนเฉียบพลัน ทำให้ตาเห็นแสง เวลาเป็นจะเห็นเส้นแสงยักๆ จากจุดเล็กๆ จนใหญ่เต็มตา ซึ่งจะมองไม่ได้ต้องหลับตาและกินยา รักษาอยู่ประมาณ 6 เดือน (กินยาปรับสภาพก่อนนอน 1 เม็ด) ซึ่งทุกครั้งที่เป็นจะเกิดจากความเครียด ปวดศรีษะ หรือเห็นแสงจ้า (แสงเฟลช, แสงแดด) ปัจจุบันหายมาเกือบ 4 ปีแล้วค่ะ 

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 28.89 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.มณฑากร อภิญญาณกุล

จักษุแพทย์

18 พฤษภาคม 2560 06:20:35 #2

อาการดังกล่าวอาจเกิดจากไมเกรนที่เคยเป็น แล้วเป็นซ้ำได้นะคะ โดยโรคไมเกรนนั้นสามารถแสดงอาการทางตาได้หลายแบบค่ะ โดยหากมีอาการทางตานำมาก่อนแล้วมีอาการปวดหัวตามมา เรียกว่า migraine with aura หรือ classic migraine ค่ะ โดยไมเกรนนี้เป็นซ้ำได้ค่ะ โดยมีการศึกษาในอเมริกาและยุโรปพบว่า ผู้ชายมีอาการประมาณ 6-8% ใน 1 ปี ผู้หญิงมีประมาณ 15-18% ใน 1ปี ในบางรายก็มีอาการวิงเวียนศรีษะ เมารถ ร่วมด้วยได้ค่ะ โรคนี้สามารถเป็นซ้ำๆ ได้ โดยเฉพาะหากมีปัจจัยกระตุ้น ดังนั้นจึงต้องสังเกตดูค่ะ ว่าเรามีปัจจัยอะไรกระตุ้นทำให้มีอาการ ก็พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นนั้นๆ ก็จะทำให้อาการเป็นซ้ำลดลงค่ะ โดยบางคนมีฮอร์โมนเป็นปัจจัยกระตุ้น ในคนเหล่านี้ก็มักจะมีอาการเวลาเป็นประจำเดือน หรือเวลาตั้งครรภ์ก็มีอาการเป็นบ่อยขึ้น ซึ่งอาการจะดีขึ้นเมื่อหมดประจำเดือนค่ะ บางรายเมื่อหิวก็มีอาการปวดหัวได้ บางรายมีความเครียดหรือนอนไม่พอก็ทำให้เกิดอาการได้ อาหารบางชนิดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้ เช่น ช็อตโคแลต ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ เป็นต้น นอกจากอาการปวดศรีษะแล้ว เวลาเป็นไมเกรนยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน กลัวแสง และเสียง โดยเวลาเป็นเมื่อมีแสงสว่างหรือเสียงดัง อาการปวดหัวก็เป็นมากขึ้นได้ค่ะ
โดย migraine with aura นั้นเกิดขึ้นได้ ประมาณ 30% ของไมเกรนทั้งหมด โดยไมเกรนชนิดนี้จะมีอาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย ซึ่งมักจะเป็นอาการทางระบบการมองเห็น โดยการมองเห็นที่ผิดปกตินั้นมักเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายนาที ซึ่งภาพที่ผิดปกติมักมีการเคลื่อนไหวร่วมด้วย โดยมักเกิดจากจุดเล็กๆ แล้วขยายกว้างขึ้น บางรายเป็นแบบเห็นแสงระยิบระยับ บางรายเห็นภาพขนาดเล็กและใหญ่ขึ้นกว่าปกติ (Alice in wonderland) บางรายเห็นภาพเหมือนจิ๊กซอร์ บางรายเห็นภาพเป็นสีต่างๆ โดยภาพที่ผิดปกติมักจะเคลื่อนไปทางหางตา แล้วหายไป บางรายมีภาพบางส่วนหายไปเป็นจุดดำๆมืดไปก็มี โดยอาการนั้นมักเป็นน้อยกว่า 60 นาที แล้วตามด้วยอาการปวดหัวซึ่งมักเป็นอีกข้างหนึ่งของอาการภาพที่ผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาไมเกรนบางรายอาจเป็นนาน 4-72 ชั่วโมงได้ค่ะ
ยังมี่ไมเกรนอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า basilar type migraine ซึ่งเชื่อว่ามีสาเหตุจากการขาดเลี้ยงชั่วคราวในระบบเส้นเลือดแดง basilar ซึ่งในรายที่เป็นไมเกรนชนิดดังกล่าว จะมีอาการสูญเสียการมองเห็นทั้งสองตาได้ เห็นภาพซ้อน วิงเวียนศรีษะบ้านหมุน พูดไม่ชัด เดินเซ หรือบางรายหมดสติได้
ในภาวะไมเกรนนั้นส่วนมากมักไม่มีความผิดปกติที่ระบบประสาท และในบางรายอาจเป็นอาการแสดงของเนื้องอกบางชนิด หรือความผิดปกติของเส้นเลือดได้ โดยคนที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกตินี้ มักมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องทำการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์หรือตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง เป็นต้น

  1. มีอาการปวดห้วหรืออาการมองเห็นภาพที่ผืดปกติเกิดขึ้นที่ข้างเดิมเสมอ
  2. ปวดหัวนำมาก่อนอาการเห็นภาพผิดปกติ
  3. มีอาการระบบประสาทผิดปกติไม่หาย เมื่ออาการของไมเกรนหายไปแล้ว ที่สำคัญ คือ ยังมีลานสายตาผิดปกติหลังจากอาการของไมเกรนหายไปแล้ว ดังนั้นจึงควรมีการตรวจลานสายตาร่วมด้วยเสมอ ทั้งขณะที่เป็นไมเกรน และหลังจากที่หายเป็นแล้ว เพื่อดูว่ายังมีความผิดปกติของลานสายตาเหลืออยู่หรือเปล่า ซึ่งโดยปกติเมื่อหายจากไมเกรนแล้วความมีลานสายตากลับมาเป็นปกติ หากมีความผิดปกติของลานสายตาเหลืออยู่ อาจเป็นอาการแสดงของความผิดปกติของระบบประสาทอื่นๆ ร่วมด้วย
  4. มีการมองเห็นภาพผิดปกติมากกว่า 1 อย่าง ใน 1 วัน ภาพที่ผิดปกตินั้นไม่มีการขยายกว้างมากขึ้น หรือภาพที่ผิดปกตินั้นเป็นเหมือนเดิมตลอด ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ระยะเวลาที่มีภาพผิดปกติน้อยกว่า 5 นาที หรือ มากกว่า 60 นาที เป็นต้น

ดังนั้นอาการมองจะเห็นเงาแสงพร่าๆ อยู่ฝั่งด้านบนซ้ายของตา (เป็นจุดประมาณ1-2ซม) ทำให้เวลาเหล่ตาไปทางซ้ายจะมองภาพตรงจุดนั้นไม่เห็น ต้องดูว่ามีอาการปวดหัวตามมามั้ยคะ ภ้ามีอาการปวดหัวตามมาก็อาจเป็นไมเกรนเหมือนเดิมได้ค่ะ ถ้าไม่มีปวดหัวตามมาต้องดูว่าภาพที่ผิดปกตินั้นหายไปหรือเปล่า ถ้าไม่หายไปเลยก็ต้องตรวจตาเพิ่มเติม เช่น ดูจอประสาทตา และควรตรวจลานสายตาร่วมด้วย เป็นต้น ซึ่งต้องทำการตรวจโดยจักษุแพทย์ค่ะ หรืออาจมีการตรวจระบบประสาทเพิ่มเติมค่ะ

ขอบคุณค่ะ
พญ.มณฑากร อภิญญาณกุล
จักษุแพทย์