10 พฤษภาคม 2557 07:53:41 #1

ผมได้ประสบอุบัติเหตุ เล่นกีฬามาประมาณ 2 ปีครับ เอ็น ACL ขาด หายจากอาการบวมพอกลับไปเล่นอีกรอบก็ หัวเข่าก็พลิกอีก บวมอีกกเป็นเดือน จึงเข้ารับการผ่าตัดหวังว่าจะกลับมาเล่นกีฬาที่ชอบได้อีกรอบ
ผมทำงานอยุ่มาเลเซีย เข้ารับการผ่าตัด aclครั้งแรก ประมาณวันที่ 7 เดือน 3 ปี 2556 หลังจากผ่าตัดเสร็จมีอาการบวมมาก (จนถึงหน้าแข้ง)และปวดมากๆ จนต้องขอยาแก้ปวดฉีดเกือบทุก 6 ชม
หลังจากรับการผ่าตัด ผมกลับมาทำกายภาพที่ไทย 1 เดือนโดยให้หมอที่ รพ พยาบาลประจำอำเภอดูแลผมต่อ โดยส่วนตัว มีความรู้สึกว่า มันเริ่มยืดขาไม่สุดและงอไม่สุดประมาณเดือนครึ่ง นักกายภาพที่ไทยก็ทั้งกดทั้งดัด ใช้เครื่องอัลตร้าซาวแล้วก็ยังไม่ได้ผล
จนครบ 2 เดือนผมกลับมาทำงานต่อที่มาเลเซีย แล้วคิดว่าอาจจะเป็นเพราะร่างกายผมมันหายช้ากว่าคนอื่น (ตั้งแต่เด็กเป็นพวกน้ำเหลืองไม่ดี เป็นฝีง่าย ตอนนี้ก็ยังเป็นอยุ่ โดนอะไรบาดเล็กน้อยก็จะอักแสบแดงมีน้ำหนองขัง แผลในปากก็หายช้า ถ้าไม่ทายาก็จะ1-2เดือนถึงจะหาย)
เรื่องอาการหายมีข้อเปรียบเทียบกับพี่ที่ทำงาน ผ่าตัดที่เดียวกัน หมอคนเดียวกัน ผ่าตัด 1 เดือน เดินได้คล่องแล้ว ส่วนผม 3เดือน ยังเดินกระเพลกอยุ่ หลังจากนั้นผมก็มาทำกายภาพต่อที่มาเล โดยไม่ได้ไปพบหมอ คิดว่าเดี่ยวทำกายภาพสักพักก็คงหาย
หลังทำกายภาพที่มาเลเซียได้อีก 2 เดือน(ผ่านมาประมาณ 5 เดือนหลังผ่าตัด) ทำกายภาพด้วยความทรมาน นักกายภาพใช้ทุกวิธีในการดัดให้ตรง ทั้ง คนหนึงดึงขา คนหนึ่งทิ้งตัวลงบนหัวเข่า เจ็บแทบขาดใจ ก็ทน แต่ทุครั้งที่ทำจะเจ็บบริเวณข้อต่อข้างในมากที่สุด
หลังจากที่ผมดูแล้วว่าคงไม่ใช่ทางที่ดีแล้ว เลยไปพบหมอคนเดิม หมอก็หาว่าผมไม่มาfollow up กับเขา ผมก็ยอมรับว่าผมไม่มาตามกับเขาจริง หมอเลยบอกให้ทำกายภาพหนักขึ้นกว่าเดิม ให้กินยาแก้ปวดก่อนเข้าทำกายภาพ เป็นเวลาอีก 1 เดือน
หลังจากนั้นผมดูแล้วว่ามันไม่น่าจะใช่วิธีที่ถูกต้องแหละ เจ็บตัวจนแทบขาดใจตอนทำกายภาพ แต่ก็ยังยืดไม่ตรงงอไม่สุด เลยขอหมอผ่าอีกรอบ หมอเลยยอมผ่าให้อีกครั้ง
ครั้งที่ 2 วันที่ 20 ตุลา 56 เป็นการส่งกล้องเข้าไปตัด (ผ่าตัดครั้ง 2 ไม่แสกน MRI หมอส่องกล้องเข้าไปตัดเลย) หลังจากผ่า หมอเอามาให้ดูเป็นพังผืดสีขาวเหมือนไขมันประมาณ 5 ซม มีเส้นเลือดแดงๆหน่อยเหมือนมันจะก้อนเนื้อสีขาวแต่ก็ไม่ใช่
หลังจากผ่าตัดผมเดินได้ตรงแต่ยังงอไม่ได้เพราะหมอบอกว่ากล้ามเนื้อผมบางส่วนมันลีบไปต้องทำกายภาพให้มันกลับมาปกติ ผมก็ทำกายภาพต่อที่มาเล ประมาณ 2-3 เดือนผมรู้สึกว่ามันกลับมาแหละ เดินไม่ปกติ ตื่นมาตอนเช้าขาก็งอ ต้องนอนคว่ำค่อยๆยืดให้ตรง ไม่อย่างนั้นก็เดินกระเพลก ผมเลยเข้า ฟิตเน็ทไปวิ่ง และออกกำลังขาให้มากที่สุด
เป็นเวลา 3-4 เดือน ดูแล้วว่าไม่น่าจะแก้ได้เลยบากหน้าไปพบหมออีกที
ครั้งที่ 3 เมื่อต้นเดือนนี้วันที่ 5 พค 57 หมอให้ สแกน MRI ผลการแสกน ACL ปกติ มี scar แล้วหมอนัดผ่าวันถัดไปเลย ผลการผ่าตัดครั้งนี้ หมอบอกว่า ไม่มีพื้นที่ว่างที่จะส่งกล้องเข้าไปเลย เต็มไปด้วยพังผืด หมอใช้เวลา 2 ชมกว่า ในการตัดออก ครั้งนี้หมอให้ดูพังผืดที่ตัดออกมาเป็นเศษเล็กๆ เยอะมาก แล้วบวมมากเพราะหมอบอกว่าตัดออกไปเยอะ
วันถัดไปทำกายภาพต่อ ขณะทำมีเสียงน้ำอยุ่ให้เข่า กดบนหัวเข่าก็มีเสียง เหมือนเราเขย่ากล่องนมก่อนดื่ม ถามหมอ หมอบอกว่าปกติ ผมกลัวว่ามันอาจจะมีผลให้เกิดพังผืด เลยขอให้หมอดูดออก หมอบอกว่าดูดไปเดี๋ยวก็บวมเหมือนเดิม เพราะมีรูปใหญ่ที่ตัดออกครั้งนี้ แต่ผมยืนยันจะดูออกหมอเลยยอมดูดออกไป 1 หลอด(เลือดล้วนๆ) ยังบวมอยู่ หมอไม่ยอมดูดออกหมด หมอบวมว่าร่างกายเราจะสลายมันไปเอง

วันนี้ออกจาก รพ แล้ว ในความรู้สึกผม อาการที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากการบวมนานๆหรือเปล่าครับ เพราะพอหยุดบวมเข่าผมก็ตรงไม่ได้ทันที ออกกำลังกายทำกายภาพเข่าก็กลับมาบวมตลอด
ผมท้อแท้ ผมหมดหวังกับอาการหัวเข่าเรื้อรังนี้มากครับ เจ็บตัวมาเป็น ปี ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ขอผ่าตัดเป็นอันขาด แต่ปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้ว ผมถามหมอที่ผ่าตัดผม ว่าเกิดจากอะไร ทำไมยังไม่หาย แล้วครั้งนี้จะหายไหม หมอแก่บอกว่า หมอก็ตอบไม่ได้ ตัวคุณเองจะรู้ว่าทำไม่ถึงเกิดขึ้น .... (ถ้าผมรู้ผมคงไม่ให้มันเกิดหลอกหมอ) หมอบอกว่าผมแค่เห็นอาการแล้วรู้ว่าต้องทำแบบนี้ๆ ไม่สามารถตอบได้ว่าหายไหม หมอไม่เคยเจอ ผ่ามาเยอะ ผม 1 ใน 100 (ผมเหมือนโชคดีจัง)
ผมตัดสินใจรอผล 2-3 เดือนก็น่าจะรู้ครับว่า มันจะกลับมาไหม ไม่หายผมจะไปหาหมอที่ไทยช่วยเหลือชีวิตผมแล้ว ยอมจ่ายเงินเองเพราะที่ไทยไม่มีประกันคุ้มครอง
ผมหวังว่าจะมีหมอท่านไหนที่อ่านข้อความผมแล้ว เห็นใจผม แนะนำแนวที่ที่ดีให้ผมได้ ผมอยุ่กับความปวด ความทุกข์นี้มาเป็นแรมปี ไม่หวังกลับมาเล่นกีฬาที่ชอบ ขอแค่ชีวิตปกติกลับมา

19 พฤษภาคม 2557 16:35:09 #2