กระดานสุขภาพ

ช่วยตอบหน่อยนะคะ กังวลใจมาก
Anonymous

8 มกราคม 2561 08:32:49 #1

ประจำเดือนมาวันที่ 13/12 หมดวันที่ 17 มี พสพ วันที่ 02/01 ตอนใส่ถุงยางชิ้นแรก มันรูดไม่ลงถึงโคนอวัยวะเพศ เลยเปลี่ยนเป็นชิ้นที่2 รูดลงไปแล้วเกือบจะถึงโคนคะ ตอนที่กำลังใส่ถุงยางนั้น มือไปสัมพัสโดนอวัยวะเพศของแฟนที่มีน้ำหล่อลื่นอยู่ จากนั้นก็ มีพสพ ในท่าที่อยู่ข้างบน รู้สึกว่ามันแฉะๆ เลยลุกออกมาดู พบว่า ตรงโคนอวัยวะเพศใกล้กับขนของแฟน มีน้ำขุ่นๆ อยู่ เลยถามแฟนว่า หลั่งหรือเปล่า แฟนบอกว่ายัง. ครั้งนี้เลยทำกันต่อจนเสร็จกิจ นำถุงยางไปใส่น้ำ ผลคือไม่รั่ว * คำถามที่อยากจะถามคุณหมอคะ. 1. น้ำที่ติดตรงโคนอวัยวะเพศของแฟน คืแย้ำอสุจิหรือ เปล่า 2. ถ้ามือสัมพัสโดนอวัยวะที่มีน้ำหล่อลื่น ขณะใส่ถุงยางจะทำให้ท้องได้มั้ย
อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.01 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Pooy*****a

9 มกราคม 2561 10:00:44 #2

แค่มือสัมผัสไม่ท้องหรอกค่ะ ยกเว้นสอดใส่เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสท้องสูง ทีนี้ ที่ จขกท มาตั้งคำถามคือ คงกลัวพลาดเนอะ อย่างที่ จขกท พูดถึงน้ำตรงโคนอวัยวะเพศ เราไม่แน่ใจว่าเป็นอสุจิหรือเปล่า อาจจะเป็นน้ำหล่อลื่นที่ผู้ชายหลั่งมาตอนมีอารมณ์ก็ได้ค่ะ เพราะอสุจิจะมาก็ตอนที่ผู้ชายถึงจุดสุดยอด แล้วยิ่งใส่ถุงยางด้วย โอกาสท้องยิ่งน้อยค่ะ (แต่ถ้าไม่ชัวร์ตรวจก็ดีนะจะได้สบายใจ) ส่วนตัวเรากับแฟนป้องกันทั้งกินยาคุมทั้งใส่ถุงยาง คือ เราจะเน้นตัวเองก่อนให้กินยาคุมเป็นการป้องกันทางหนึ่ง (เราพกตลอดกินของ synfonia จะได้ไม่พลาดนับเองด้วย) คือ เป็นผู้หญิงยิ่งต้องดูแลตัวเองมากกว่าค่ะ เพราะถ้าท้องขึ้นมา เราจะแย่กว่าผู้ชาย ยังไงครั้งหน้า แนะนำว่า ป้องกันทั้งสองทางได้จะดีที่สุดสำหรับเราและแฟนค่า

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 มกราคม 2561 11:28:37 #3

หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ ส่วนในกรณีที่อาจมีน้ำหล่อลื่นติดถุงยางไปนั้น เรื่องนี้ไม่ทำให้ตั้งครรภ์นะครับสบายใจได้ อย่างไรก็ตามหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ