กระดานสุขภาพ

ผมอยากทราบเปอร์เซนในการต้องท้องจาก กรณีนี้มากครับ
Anonymous

3 มีนาคม 2560 15:07:16 #1

คือเมื่อวันที่ 10-12 กุมภาพัน ผมได้มีเพศสัมพันกับแฟนโดยการสวมถุงยางอนามัย และไม่ได้หลังน้ำอสุจิ แต่พอผมกับแฟนเลิกทำกันแล้วก็นำถุงยางไปใส่น้ำไม่มีรอยรั่วไม่มีหลุดระหว่างทำไม่มีไหลย้อนออกจากปากถุง ต่อมาผมได้ไปล้างอวัยวะเพศ เสร็จแล้วมาช่วยตัวเองต่อจนเสร็จหลังจากนั้นมีน้ำอสุจิเลอะที่โคนอวัยวะเพศแถวๆขนนะครับ(ขนค้อนข้างยาว)แล้วได้ไปล้างน้ำเปล่าเสร็จผมก็เช็ดจนแห้ง หลังจากนั้นประมาน 1 ชม. ได้มีเพศสัมพันต่อแล้วผมเกิดกังวลใจเพราะอวัยวะเพศของผมไปโดนของแฟนนิดหน่อยไม่ได้สอดไส่ เลยไปล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีกแล้วเช็ดจนแห้งแล้วใส่ถุงยางก่อนทำเสมอ วันที่ 11 ผมใส่ถุงยางแล้วทำภาระกิจแบบเดิมไม่เสร็จแล้วเชคโดยการใส่น้ำไม่มีรอยรั่ว วัน 12 ใส่ถุงยางแบบเดิมและไม่เสร็จแล้วก็เชคโดยใส่น้ำไม่มีรอยรั่ว แฟนผมประจำเดือนค่อนข้างตรง 30-34 วัน ผมลองนับวันตกไข่ดูแล้วเป็นวันที่ 17 กุมภาพัน วันนี้วันที่ 3 กุมภา ครบรอบประจำเดือน 30 วันแล้วแต่ยังไม่มามีแค่อาการปวดขา เมื่อยๆตัวผมอยากจะถามคุณหมอว่า

1.ท่าในวันที่น้ำอสุจิติดที่ขนแล้วล้างออกแล้วเช็ดแล้ว จะมีโอกาศที่อสุจิจะยังมีชีวิตอยู่ไหม

2.วันที่มีเพศสัมพันวันที่ 10 วันนั้นน้ำหล่อลื่นของแฟนผมค่อนข้างเยอะ เป็นไปได้ไหมที่วันนั้นจะตกไข่ก่อนกำหนด

3.เข้าใจว่าการคุมกำเนิดไม่มีวิธีไหนคุมได้ 100 เปอร์เซน แล้วท่าใส่ถุงยาง+ไม่เสร็จ โอกาศที่จะท้องมีมากไหม

4.แล้วท่าผมเกิดกังวลใจเรื่องน้ำอสุจิที่ติดตรงขนผมมั่นใจว่าผมล้าง แล้วท่าล้างไม่สะอาด ปล่อยไว้จนแห้ง อสุจิจะยังมีชีวิตอยู่ไหม

5.เมื่ออสุจิแห้งแล้วสามารถที่จะไปผสมกับไข่ของผู้หญิงได้รึไม่

ปล.เมื่อวันที่ 18-19 แฟนผมมีมูกใส่ๆขุ่นๆจำนวนมากไหลออกจากช่องคลอดอันนี้ใช่การตกไข่ไหม เพราะผมคิดว่ามันใกล้เคียงกับที่คำนวนไว้ แล้วหลังจากวันที่ 12 ก็ไม่ได้มีเพศสัมพันอีกเลย ก่อนมีเพศสัมพันจะใส่ถุงยางก่อนทุกครั้ง ไม่มีแตก ไม่มีรั่ว ไม่มีไหลย้อน เชคโดยการนำไปใส่น้ำแล้วบีบไล่ดูทุกครั้งไม่มีรอยรั่วแม่มีน้อย เชคดูอย่างละเลียดทุกครั้ง รบกวนคุณหมอเข้ามาตอบด้วยนะครับ

 

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.60 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

9 มีนาคม 2560 03:43:48 #2

หากในการมีเพศสัมพันธ์นั้น มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ถุงยางอนามัยก่อนสอดใส่อวัยวะเพศ ถือว่า เป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพครับ ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ สบายใจได้ โดยไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ ส่วนในกรณีหากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ

อย่างไรก็ตามหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ ใช้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นั้นจะสามารถคุมกำเนิดได้มากกว่า 90% ครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ส่วนการฝังยาคุมกำเนิด หรือ ใส่ห่วงอนามัย จะสามารถคุมกำเนิดได้เกือบ 100% ครับ การที่ประสิทธิภาพลดต่ำลง เกิดจากการใช้ผิดวิธีเป็นส่วนใหญ่ครับ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

การคำนวณวันตกไข่นั้น จะใช้ได้แม่นยำในคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอนะครับ ซึ่งการคำนวณจะต้องคำนวณจากระยะระหว่างรอบประจำเดือน โดยจะนับจากวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาย้อนไป 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน เช่น หากรอบเดือนประมาณ 30 วัน และวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมาเป็นวันที่ 6 ของเดือนเมษายน ดังนั้นวันที่ตกไข่ ก็จะเป็นวันที่ 24 มีนาคม เป็นต้น ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้าและหลังวันนี้ 2 วัน จะเป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้สูงครับ และ การที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนหรือหลัง 7 วัน นับจากวันมีประจำเดือนวันแรกนั้น หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้การนับวันประจำเดือนนั้นปกติแล้วจะใช้เพื่อการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีบุตรยากครับ การที่จะนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดนั้นไม่ควรอย่างยิ่งครับ ยิ่งในผู้ที่มีรอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การตกไข่จะย่ิงคาดเดาไม่ได้ครับ เพราะ ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์จะต่ำ ควรจะใช้การคุมกำเนิดอื่นๆ ที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น