กระดานสุขภาพ

สงสัยว่าเป็นหนองใน
Anonymous

3 ตุลาคม 2559 00:06:07 #1

คือมีเพศสัมพันธ์กับแฟนชาวต่างชาติเมื่อปลายเดือนสิงหาที่แล้วคะ แล้วอาการพึ่งจะมีต้นเดือนตุลาคะ.คือมีเม็ดหนองและหนองที่อวัยวะเพศด้านไหนคะ. ประจำเดือนก็ยังไม่มาเพราะกินยาคุมฉุกเฉินไปตอนครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกะบแฟนคะ อยากจะถามคุณหมอคะว่า 1.ตรวจปัสสาวะแล้วไม่พบว่าตั้งครรภ์คือไม่เกี่ยวกับท้องนอกมดลูกใช่ไหมคะ 2.อาการมีตุ่มหนอง หนอง ตัดช่องทาง เเต่ไม่แสบร้อนเวลาฉี่นะคะคือเป็นอาการของหนองในรึป่าว มีสาเหตุอื่นไหมที่ทำให้เกิดอาการนี้ 3.โรงพยาบาลของรัฐใช้สิทธิบัตรทอง เสียค่าใช้จ่ายอื่นๆในการรักษาไหมคะ เช่นการตรวจเชื้ออื่นๆร่วม 4.ขั้นต้นเราสามารถหายาอะไรมากินเองในการรักษาคะ
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.43 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

5 ตุลาคม 2559 08:35:34 #2

ขอตอบวรมๆว่า ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน ในกรณีที่เป็นตุ่มหนองด้านในและมีอาการเจ็บแสบ ก็อาจจะไม่ใช่หนองใน อาจจะเป็นแผลเริม เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับลักษระของตั่มที่เป็น สามารรักษาโดยใช้สิทธบัตรทองได้ครับ