กระดานสุขภาพ

เครียดมากๆคะ ขอทำปรึกษา TT
Anonymous

1 กุมภาพันธ์ 2558 05:35:34 #1

น้ำหนัก 45 สูง 155 คะ  เดือนธันวาประจำเดือนมาวันที่ 21 ถึง 26 คะ แล้วหนูมีอะไรกับแฟนวันที่ 24 26 หลั่งใน หนูซื้อยาฉุกเฉินมากิน ประจำเดือนหนูมาอีกทีวันที่ 2 ถึง 6 แล้วหนูมีอะไรกับแฟน วันที่ 7 แตกนอกคะแต่ไม่ได้ล้างแล้วต่อน้ำ 2  หนูเลยไปซื่อยาฉุกเฉินมาคุย ประจำเดือนมาวันที่ 12 ถึง 17 หนูมีอะไรกับแฟนวันที่ 13 15 หลั่งในคะ แล้วหนูไม่ได้กินยาฉุกเฉิน แล้วมีอะไรกับเค้าอีกวันที่ 20กับวันที่ 23 แต่ใส่ถุงคะ แต่เมื่อวันที่ 22 หนูมีคราบสีน้ำตาลที่กางเกงในคะ พอมีอะไรกับเค้าก็ไม่มีคราบอีก เมื่อวันที่ 23 หนูตรวจแต่ขึ้นแค่ขีดเดียว แล้วหนูมีอะไนกับเค้าอีกเมื่อวันที่ 28 กับ 30 แต่ใส่ถุงคะ หนูตรวจเมื่อวันที่ 28 ขึ้นแค่ขีดเดียว พอตรวจวันที่ 30 ซื้อแบบจุ่มคะตอนเย็น ตรงขีดที่ 2 มันมีรอยคล้ายๆรอยพับคะแต่ไม่มีสี หนูกลัวเลยไปซื้อแบบหยอดมาตรวจใหม่ขึ้นแค่ขีดเดียวคะ แล้วเมื่อวานนี้วันที่  31 หนูมีคราบสีน้ำตาลที่กางเกงใน รู้สึกจี๊ดๆที่นมคะ หนูเครียดมากกลัวเมนไม่มาเลยไปซื้อยาฉุกเฉินมากินคะ อีก 7 วันเมนจะได้มา หนูปวกท้องบ่อยอยู่บ่อยๆคะติดว่าอาจจะเป็นเพราะแรงกระแทก เพราาะปวดทุกครั้งหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หนูไปถามร้านขายยามาเค้าบอกว่ามีอะไรตอนเป็นประจำเดือนไม่เป็นอะไรแต่ระวังติดเชื้อ หนูจะท้องมั้ยคะ TT

อายุ: 15 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

7 กุมภาพันธ์ 2558 11:05:43 #2

จากประวัติทั้งหมดนั้น มีความเสี่ยงสูงมากที่จะตั้งครรภ์นะครับ เนื่องจากในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ หรือ แม้แต่หลั่งด้านนอกโดยมีช่วงที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศไป เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งหากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ

ซึ่งจากประวัติที่กล่าวมานั้น มีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำไปอีกหลายรอบนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งนะครับ เพราะ ปกติยานี้จะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และ จะผลข้างเคียงมากได้ ประกอบกับประสิทธิภาพจะไม่ดี และ ก็จะมีเลือดออกผิดปกติมาได้ จนทำให้สับสนได้ว่า เลือดที่ออกมาคืออะไร เช่นในกรณีนี้ครับ เลือดที่ออกมาเป็นผลจากการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินซ้ำไปอีกหลายรอบ และ ไม่ได้ถือว่าเป็นเลือดประจำเดือน ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์ซ้ำไปนั้น มีความเสี่ยงมากๆที่จะตั้งครรภ์ครับ และ การปวดท้องน้อยนั้นเป็นผลข้างเคียงของยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ ซึ่งจากการตรวจการตั้งครรภ์นั้น ค่อนข้างสับสนนะครับ แต่อย่างไรก็ตามการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ แต่จากประวัติคงจะสับสนได้มากจากเลือดออกผิดปกติ ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ โดยในช่วงนี้ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ส่ิงที่หมอฝากได้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น ซึ่งหมอขอแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องสักนิดนะครับ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครัน ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

11 กุมภาพันธ์ 2558 14:43:42 #3

หลังจากที่กินยาฉุกเฉิ

Anonymous

11 กุมภาพันธ์ 2558 14:44:41 #4

หลังจากที่กินยาฉุกเฉินไปล่าสุด วันที่8นับตั้งแต่วันแรกที่กิน ประจำเดือนก็มาแล้วคะ