กระดานสุขภาพ
ปรึกษาเรื่องหนองในกับ HIV ครับ | |
---|---|
12 มีนาคม 2557 07:11:16 #1 ผมได้มีอาการคล้ายหนองในหลังจากเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันครับ (ช-ช) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม และครั้งล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 9 มีนาคม (กับคนเดียวกันครับ) หลังจากเสร็จกิจไม่มีเลือดออกและไม่มีแผลใดๆ ที่อวัยวะเพศของผมครับ (ล้างสบู่แล้วไม่แสบ) ต่อมาตอนเย็นผมรู้สึกแสบบริเวณด้านในช่วงปลายอวัยวะเพศเวลาปัสสาวะ แต่ไม่มีหนองใดๆ ไหลออกมาหรืออาการอื่นๆ ข้างเคียงครับ แล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 10 มีนาคมได้ไปตรวจที่คลินิกนิรนาม (นับหลังเสี่ยงครั้งแรกเป็นวันที่ 5) ได้ตรวจย้อมสีแกรมแล้วไม่พบเชื้อหนองใน ตรวจเลือด HIV, ซิฟิลิสเป็นลบ รวมถึงผลตรวจ NAT ก็เป็นลบ (ตรวจี่ 5 วันตาม requirement ขั้นต่ำของ NAT) ทีนี้คลินิคได้สั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อมา 2 ตัวคือ Azithromycin ขนาด 250g กิน 4 เม็ดครั้งเดียว และ Metrodinazole 500g กินวันละ 2 เม็ดหลังอาหารเช้า-เย็น กินทั้งหมด 7 วัน ตอนนี้อาการแสบเวลาปัสสาวะยังคงอยู่ครับหลังจากทานยาเป็นวันที่ 3 แต่เวลาดื่มน้ำมากๆ แล้วจะไม่มีอาการแสบและเหมือนปกติครับ ผมอยากทราบว่า 1. อาการคล้ายหนองในเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างครับ 2. ด้วยผลตรวจเลือดแบบนี้และความเสี่ยง มีความเสี่ยงต่อ HIV มากน้อยแค่ไหนครับ
อย่างไรก็ตาม ผมมีแผนจะไปตรวจซ้ำอีกครั้งในวันศุกร์นี้อีกครั้ง ขอบคุณมากครับ |
|
อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 83 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.62 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
13 มีนาคม 2557 04:00:59 #2 โรคทางเดินปัสสวาะอักเสบมี 2 ชนิด คือชนิดที่ติดตอทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้บ่อย คือหนองในแท้ และหนองในเทียม หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไป หนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ มีการศึกษาโอกาสของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ครั้ง จากมากไปน้อยดังนี้
อย่างไรก็ตามโอกาสจะเพิ่มขึนถ้าเป็นกามโรคหรือมีแผลด้วย
นพ. อนุพงศ์ |
Anonymous