คุณ jacky.pacharadanai เป็นตุ่มแพ้ยุง ที่จริงคือแพ้สารโปรทีนในน้ำลายยุง ร่างกายจึงมีปฏิกิริยาแพ้

การแพ้เกิดได้ทั้งตรงตำแหน่งที่ถูกกัด และเกิดพร้อมๆกันกับผิวหนังบริเวณอื่น(ที่ไม่ถูกกัด) อย่างหลังนี้เรียกว่า ปฏิกิริยาแพ้ยุง insect bite reaction ตุ่มยุงกัด และตุ่มปฏิกิริยาแพ้ยุง มักเป็นตุ่มนูนบวมขนาดไม่ใหญ่มาก เหมือนตุ่มลมพิษขนาดเล็ก เรียกว่า papular urticaria ตรงที่บวมผิวหนังมีสีซีด ผิวรอบๆมีสีแดง

รอยโรคมักเกิดที่แขนขาด้านนอก ใบหน้า ส่วนที่เสื้อผ้าปลุกคลุมพบได้น้อยกว่า ตุ่มยุงกัดทำให้คันมาก ยิ่งเป็นปฏิกิริยแพ้ยุงยิ่งคันต่อเนื่อง อาการตุ่มคันอาจเป็นอยู่หลายชั่วโมง หรือเป็นวันๆ แล้วค่อยๆยุบได้เอง หรืออาจเหลือปฏิกิริยาแพ้อยู่ ทำให้ผื่นเหลือเป็นรอยสีแดง flare ก่อน แล้วจึงยุบหายไป

การที่ผื่นเปลี่ยนสีเป็นรอยคล้ำ เนื่องจากตุ่มยุงกัดทำให้คันมาก เมื่อเราเกาแรงๆ ทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวหนังเพิ่มขึ้น เมื่อหายจากการอักเสบ จึงเหลือเป็นรอยสีน้ำตาล จากการที่เม็ดสีเหลือค้างอยู่ที่ชั้นหนังแท้ postinflammatory hyperpigmentation บางครั้งการเกาก็ทำให้ผิวหนังถลอก มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จึงทำให้ผิวหนังอักเสบ และเหลือเป็นรอยสีน้ำตาลคล้ำเช่นกัน

วิธีป้องกัน ก็คือการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการติดมุ้งลวดทั่วบ้าน หมายถึงประตูบ้าน ครัว ห้องน้ำด้วย เลือกสวมเสื้อผ้าให้คลุมแขน ขา ทาครีมกันยุง ใช้ใบตะไคร้หอมไล่ยุง แต่เมื่อถูกกัดแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นรอยคล้ำอยู่นาน ก็ต้องทายาต้านการอักเสบ คือครีมสเตรอยด์ เช่น 0.1% Hydrocortisone cream, 0.05% Prednisolone cream อาการคัน และปฏิกิริยาแพ้ ลดลงโดยการกินยาต้านฮิสทามีน

ส่วนจะเป็นมากหรือไม่ เรื่องผื่นคันและรอยคล้ำอาจทำให้คุณ jacky.pacharadanai แค่รำคาญ แต่การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังอาจมีการแทรกซ้อนเป็นโรคกลุ่มเลือดฝอยของไตอักเสบ และยุงเป็นพาหะโรคไข้เลือดออก ไข้ชิคุนกุนยาครับ

อยากทราบว่า แบบนี้พบได้ในคนส่วนใหญ่ใช่ไหมครับ เนื่องจากผมไม่เคยเป็นมาก่อนจึงอยากทราบอ่ะครับ ขอบคุณมากครับ

คุณ jacky.pacharadanai ไม่เคยเป็นมาก่อน แบบที่อธิบายข้างต้นเป็นแบบที่คนส่วนใหญ่เขาเป็นโดยปฏิกิริยาแพ้ยุง จะเกิดสักระยะหนึ่ง ซึ่งแล้วแต่ละบุคคล อาจใช้เวลาหลายเดือน หรือหลายปี เช่น กรณีเด็กน้อย อาจจะแพ้ยุงตั้งแต่วัยเด็กทารก เด็กวัยหัดเดิน วัยนี้จะพบมาก พออายุย่างเข้าวัยอนุบาล ประมาณครึ่งต่อครึ่งจะไม่ค่อยเป็นแล้ว เพราะร่างกายค่อยๆมีภูมิคุ้มกัน ปฏิกิริยาไวเกินลดลง จึงไม่เกิดปฏิกิริยาแพ้มาก ไม่คันมาก ไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย และไม่ค่อยเหลือเป็นรอยคล้ำ ยิ่งเมื่อโตขึ้น อายุเข้าวัยเรียนชั้นประถม

การแพ้ยุงจะพบน้อยลงเรื่อยๆ อาจหลงเหลือให้เห็นไม่ถึงร้อยละ 10 ของนักเรียนวัยนี้ หมายถึง คนส่วนใหญ่ร้อยละ 90 อายุ 8 ปีขึ้นไปจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาแพ้ยุงแล้ว ที่เหลือคงร้อยละ 10 ที่ปฏิกิริยาไวเกินยังคงอยู่ จึงมีอาการแพ้ยุงอยู่เรื่อยๆ แต่ปฏิกิริยาแพ้ยุง เราเรียกว่า insect bite reaction คุณ jacky.pacharadanai จะเห็นได้ว่าเราใช้คำว่า insect คือแมลง จึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่แพ้ยุงอย่างเดียว หมายถึงแมลงอย่างอื่น เช่น มด ตัวหมัด ตัวไร ตัวเห็บ ผึ้ง ต่อ แตนก็สามารถทำให้เราเกิดปฏิกิริยาแพ้แบบเดียวกันได้ แต่การแพ้มดจะเป็นที่ขาบ่อย และตัวหมัด ตัวเห็บมักชอบกัดในร่มผ้ามากกว่ายุง แมลงแต่ละอย่าง จึงไม่ค่อยเหมือนกันทีเดียว เพื่อการวินิจฉัยแน่นอนว่า แพ้ยุง แพ้แมลง คุณ jacky.pacharadanai ลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังด้วยครับ

ผมได้ไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ ตุ่มPPE ในผู้ที่ติดเชื้อ hiv ไม่ทราบว่า ตุ่มแบบนี้ เป็นตุ่มแบบเดียวกันรึป่าวครับ รบกวนด้วยครับ

PPE หรือ Pruritic popular eruption เป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อ HIV ไม่ใช่ตุ่มยุงกัดเสียแล้วครับ

ผื่น PPE จะเป็นเรื้อรัง คันมาก ผื่นขึ้นได้หลายๆที่ ทั้งแขนด้านนอก ขา ตามลำตัว ผื่นเริ่มจากเป็นตุ่มสีแดง ภายหลังหลงเหลือเป็นสีดำคล้ำเป็นเวลานานๆ หากสงสัยเรื่องนี้ต้องรีบพบแพทย์แล้วล่ะครับ