กระดานสุขภาพ

หลังจากปจด.ครั้งสุดท้าย ก็ไม่มีพสพ.อีกเลย ปจด.ไม่มาซักที
Konr*****e

6 มิถุนายน 2556 10:50:51 #1

ตั้งแต่ปีใหม่เป็นคนที่ปจด.เริ่มสม่ำเสมอ นับวันได้ แต่ปจด.ยังไม่มาเลยค่ะ มีความเครียดหนักช่วงสอบและไม่มีพสพ.

ขอให้ข้อมูลดังนี้ค่ะ

รอบเดือนธค.- มค. 33 วัน

รอบเดือนม.ค.-ก.พ. 28 วัน 

รอบเดือนก.พ.-มี.ค. 26 วัน

รอบเดือนมี.ค.-เม.ย 28 วัน

รอบเดือนเม.ย-พ.ค.(รอบเดือนล่าสุด) 26-27 วัน

วันแรก4พ.ค.มาช่วง4ทุ่มมาเป็นหยดๆ เริ่มเยอะช่วงบ่ายวันที่5พ.ค. ระหว่างปจด.มีอาการปวดปจด.หนักเหมือนทุกเดือน

พสพ.ครั้งสุดท้าย ใส่ถุง เช็คไม่รั่วไม่ขาด วันที่2พ.ค.56  หลังจากนั้นไม่มีพสพ.อีกเลย

 

ปจด.ล่าสุด 4-7พ.ค.56   ถ้านับ28วัน ปจด.ต้องมา31พ.ค.56

เป็นคนที่สังเกตอาการก่อนปจด. ระหว่าง และหลังปจด. อาการชัดเจนมาก 

สังเกตว่ามีอาการก่อนปจด.มาช่วง19พ.ค.เป็นต้นมา และอาการชัดเจนมากช่วง28 29 30 พ.ค. มาครบทุกอาการเลย ปวดท้อง ปวดขา ปวดหลัง สิวขึ้น หงุดหงิด ท้องอืด

สิวขึ้น2มิ.ย. ปกติไม่ค่อยเป็นสิว

จนถึงวันนี้ยังมีอาการปวดท้อง อืดท้อง ตกขาวเริ่มใส หงุดหงิดเล็กน้อย(อาการก่อนปจด.เหมือนทุกเดือน) 

เริ่มเครียดอ่านหนังสือสอบตั้งแต่15พ.ค. และสอบ 20 22 24 พ.ค. ในห้องสอบเครียดมาก จนปวดคอ (สอบบัญชีรามค่ะ)

 

วันนี้6มิ.ย.(33วันแล้ว) ยังมีอาการเรื่อยๆ แต่ปจด.ไม่มาซักทีค่ะ  อยากทราบว่าคนไม่มีความเสี่ยงท้อง และเครียดหนักมาก มีผลทำให้ปจด.ไม่ไหลเลยทั้งเดือนรึป่าวคะ หรือว่าอาจมาช้าได้รึป่าวคะ

 

 ...มีอาการก่อนปจด.มารอเก้อนานมากแล้ว    สงสัย และกังวลว่าเป็นปัญหาสุขภาพร่างกายอะไรรึป่าว  ปกติเป็นคนร่าเริงมาก ปีนี้ร่าเริงปจด.จึงมาปกติ  แต่มาเครียดช่วงกลางเดือน 

 

คุณหมอวินิจฉัยสาเหตุและการแก้ไขในเคสของหนูให้หน่อยค่ะ  

หนูต้องทำตัวยังไงในเดือนนี้  หรือควรรอดูปจด.อย่างสบายใจไปเรื่อยๆ กลางเดือนนี้ ปลายเดือนนี้ หรือต้นเดือนหน้า

 

ขอทราบทุกสาเหตุที่ทำให้คนไม่เสี่ยงท้อง แต่ปจด.ไม่มาด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 41 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Konr*****e

6 มิถุนายน 2556 15:12:24 #2

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ  หนูเริ่มกินยาแคปซูลสมุนไพรกวาวเครือขาว  ตั้งแต่วันที่12พ.ค.56 และกินสม่ำเสมอมาทุกวันจนถึงวันนี้เลยค่ะ

ข้อมูลกวาวเครือขาวค่ะ สารที่ออกฤทธิ์สำคัญที่พบในหัวกวาวเครือขาวเป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงได้แก่ miroestrol และ deoxymiroestrol ซึ่งมีฤทธิ์แรง เป็นสารที่มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเพศหญิงจึงช่วยกระตุ้นลักษณะความเป็นผู้หญิงออกมา  

สตรีที่มีปัญหาปวดประจำเดือน และประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เมื่อรับประทานกวาวเครือขาวแล้วจะทำให้ประจำเดือนมาเป็นปรกติ

แต่เคสของหนู จากปจด.ปกติ มันกลายเป็นว่า ไม่มาเลยซะงั้นค่ะ  สารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนเพศหญิงในกวาวเครือขาวมีผลทำให้ไม่มารึป่าวคะ  .....หรือเป็นเพราะเครียดจากสอบกันแน่  สงสัยมากๆเลยค่ะ

ช่วงไข่ตก 14วันหลังจากวันแรก ก็มีอาการตกขาว(สัญญาณไข่ตกเหมือนทุกเดือนที่เป็น)   แสดงว่าไข่ตกแล้ว แต่เยื่อบุโพรงมดลูกไม่ลอกออกมารึป่าวคะ ?  

ช่วงนี้หนูพยายามกินน้ำอุ่นทุกวันเลยค่ะ เพื่อช่วยให้ปจด.ไหลออกมาสะดวก

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

6 มิถุนายน 2556 15:26:25 #3

หากหลังจากมีประจำเดือนรอบล่าสุดช่วงต้นเดือน พฤษภาคม แล้วไม่มีอีกเลย ถือว่า เลือดประจำเดือนที่มาช้าครั้งนี้ ไ่ม่ใช่การตั้งครรภ์อย่างแน่นอนครับ สบายใจได้

ส่วนจากอาการที่กล่าวมานั้น น่าจะเป็นอาการของอาการก่อนมีประจำเดือนครับ ซึ่งมักจะมีอาการคัดตึงเต้านม มีตกขาวใสๆปริมาณมากขึ้น อึดอัดท้อง รู้สึกบวมอ้วน ท้องอืด ปวดท้องน้อยคล้ายประจำเดือน คลื่นไส้ จุกเสียด ปวดเมื่อยตามร่่างกาย อ่อนเพลีย บางคนมีอาการ ปวดหลัง อารมณ์หงุดหงิด อาจมีสิวขึ้นหรือทานเก่งในบางคนครับ

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนยังไม่มานั้น มักเกิดจากสาเหตุบางประการที่ที่มีผลต่อการตกไข่ จึงทำให้การสร้างฮอร์โมนผิดปกติไป ซึ่งความเครียดที่คุณกล่าวมาเป็นสาเหตุได้อย่างแน่นอนครับ และก็มีสาเหตุอื่นๆ อีกเช่น วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ดังนั้น หมอคิดว่า เลือดที่มาช้าในครั้งนี้ เกิดจากความเครียดที่กล่าวมาครับ สบายใจได้ครับ ซึ่งปกติแล้วประจำเดือนก็จะมาปกติเองหลังจากสาเหตุที่หมอกล่าวไปน้อยลง แต่หากประจำเดือนขาดหายไปยังไม่มาใน 2-3 สัปดาห์ ควรพบสูตินรีแพทย์นะครับ เพื่อหาสาเหตุ และ ถ้าหากไม่มีสาเหตุอื่นๆ อาจจำเป็นต้องได้รับยาปรับรอบประจำเดือนครับ ระหว่างนี้ ขอให้งดเพศสัมพันธ์ก่อนครับ

Konr*****e

6 มิถุนายน 2556 15:43:31 #4

ทำไมและเพราะอะไรยาที่มีการออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด ... จึงทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจไม่มา หรือ มากะปริดกะปรอย  คุณหมอช่วยอธิบายหน่อยค่ะ

Konr*****e

7 มิถุนายน 2556 06:16:48 #5

เนื่องจากได้รับข้อมูลการทานกวาวเครือขาวมาผิดวิธี เลยไม่ได้หยุดทานช่วงก่อนมีปจด. คงทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนคงที่ตลอดเวลาหริอมากเกินไป เยื่อบุโพรงมดลูกจึงไม่หลุดลอก  

ตอนนี้หยุดทานกวาวเครือขาวค่ะ เพื่อให้ปจด.มา  คาดว่าอีก1-2สัปดาห์ปจด.คงมา


จึงขอปรึกษาต่อว่า การรับประทานสมุนไพรกวาวเครือขาวที่มีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง  ถ้าจะเริ่มทานวันแรกของปจด.และกินต่อเนื่องไปอีก15-21วัน แล้วหยุดทานเพื่อให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเหมือนธรรมชาติร่างกาย(ให้ปจด.มา)...รอจนปจด.วันแรกมาก็รอบทานใหม่เป็นรอบๆไป (คล้ายการทานยาคุมรายเดือน21เม็ด)

ตามคำแนะนำให้ปรึกษาหมอสูติก่อนรับประทาน คุณหมอคิดว่าการทานดังกล่าวเหมาะสมมั้ยคะ จะสมดุลกับปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายตามธรรมชาติ(เส้นสีแดงตามภาพ)มั้ยคะ  หรือต้องปรับปรุงการทานอย่างไร

คาดว่าจะทานเป็นรอบๆต่อเนื่องอีก4-5เดือน เพื่อเพิ่มขนาดทรวงอกค่ะ 

แหล่งอ้างอิงรูปภาพ: http://www.wisc.edu/ansci_repro/lec_11/mestrual.jpg

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

8 มิถุนายน 2556 08:35:10 #6

หมอขออภัยด้วย เนื่องจากในขณะที่หมอตอบคำถาม ในส่วนของข้อมูลเพื่ิมเติม หมอยังไม่ได้ข้อมูลครับ หมอขอตอบและอธิบายในที่นี้นะครับ อาจยาวสักนิด แต่เพื่อความเข้าใจ

ซึ่งโดยปกติแล้ว ในร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมน FSH จากต่อมใต้สมองส่วนหน้า มากระตุ้นรังไข่ให้สร้างฟองไข่ และ เป็นผลให้สร้างฮฮร์โมนเอสโตรเจน ซึงมีผลต่อให้กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวขึ้น ต่อมาเมื่อไข่เจริญเต็มที่และพร้อมจะตกไข่ ซึ่งก็จะประมาณช่วงกลางรอบเดือน หรือ ประมาณ 14 วันนับจากวันที่ประจำเดือนมารอบสุดท้าย หลังจากตกไข่แล้ว เปลีอกไข่ ที่เรียกว่า corpus luteal cyst นั้น จะสร้างฮอร์โมนที่เรียกว่า โปรเจสโตรโรน ที่ออกฤทธ์ิเพื่อเปลี่ยนเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวขึ้น เปลี่ยนแปลงให้พร้อมกับการฝังตัวของไข่ที่อาจจะผสมกับอสุจิหากมีเพศสัมพันธ์ แต่หากไม่่มีการปฎิสนธิ corpus luteal cyst นั้น ก็จะสลายตัวไปใน 14 วัน ทำให้ระดับฮอร์โมน โปรเจสโตรโรน ลดลง เป็นผลต่อให้เยื่อบุมดลูกที่หนาตัวนั้น หลุดลอกตัวออกมาเป็นเลือดประจำเดือนให้เห็นกัน ในทุกๆรอบครับ

แต่หากมีสารหรือปัจจัยอะไรก็ตาม มายับยั้ง กระบวนการดังกล่าว เช่น ความเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน เป็นต้น อย่างที่หมอกล่าวไป จะมีผลต่อการหลั่ง FSH ที่สมอง ทำให้ไม่มีตัวมากระตุ้นการเจริญของไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ครับ

เช่นเดียวกันกับ ยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือดต่างๆ เป็นต้น ซึ่ง ในหัวกวาวเครือนั้น จะมีสารที่ออกฤทธิ์สำคัญ ที่เป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง ที่เรียกว่า phytoestrogens ตัวนี้จะมีผลในแง่ยับยั้งการตกไข่ เนื่องจากร่างกายจะรู้สึกว่า มีฮอร์โมนตัวนี้แล้ว ก็เลย มีการยับยั้งไม่ให้ เกิดการเจริญเติบโตของไข่ทำให้ไม่มีการตกของไข่ และ ยังมีผลกระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญไปเรี่อยๆอีกด้วย ซึี่งในยาหรือสารต่างๆนั้น ปริมาณของ phytoestrogens ไม่เท่ากัน และ ไม่เหมือนกับการกระตุ้นจากร่างกาย อาจมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก อาจเจริญเติบโต หนาตัว แบ่งตัว ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ทานอยู่ ผลสุดท้ายทำให้ ไข่ไม่ตก และ เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวจาการกระตุ้นจาก phytoestrogens เป็นผลให้ ไม่มีประจำเดือน ประจำเดือนไม่มา ต่อมา เมื่อหนาตัวจนร่างกายไม่สามารถสร้างเลือดไปเลี้ยงได้เพียงพอ ก็จะเกิดการสลายตัวออกมา (progesterone breakthrough bleeding) อย่างมาก อาจเป็นผลให้ เลือดออกมาปริมาณมากๆ หลายๆวันได้ครับ

โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสตรีที่เข้าวัยทองแล้ว เมื่อได้รับสารจำพวกนี้แล้ว อาจทำให้เกิดการพัฒนาของเนื่อเยื่อที่ผิดปกติได้ อาจก่อให้เกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติ ซึ่งปัจจัยนี้ ก่อให้เกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ครับ

โดยสรุปแล้ว ตามความเห็นของหมอ สาเหตุของเลือดประจำเดือนไม่มา หรือ มาช้าในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากภาวะความเครียด และ มีปัจจัยจากสาร phytoestrogens นี้ร่วมด้วย หมอคิดว่า หากความเครียดลดน้อยลง ทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ และ ไม่มีสารอื่นมารบกวนการทำงานตามธรรมชาติ ประจำเดือนก็จะมาตามปกตินะครับ