กระดานสุขภาพ
เจ็บโคนอวัยวะเพศ | |
---|---|
22 มกราคม 2562 07:26:32 #1 สวัสดีครับผมมีอาการเจ็บปวด บางครั้งก็แสบที่โคนอวัยวะเพศถูๆผิวหนังไม่มีอาการเจ็บแสบแต่อย่างใด แต่พอกดแล้วจะเจ็บแสบแปลบขึ้นมา หาหมอมา 3-4 คนแล้ว บางคนบอกท่อปัสสาวะอักเสบ บางคนบอกปกติ เวลาปัสสาวะก็ไม่ได้เจ็บแสบแต่อย่างใดครับ มีกินยาฆ่าเชื้อแทบหมดทุกตัวแล้ว ตรวจปัสสาวะก็ไม่พบเชื้อไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่ก่อนหน้าที่จะเป็นผมมีการจับยกอวัยวะเพศผมดึงขึ้นมาแล้วมีทายากับล้างอวัยวะเพศทั้งเช้า กลางวัน เย็น แค่ 3 วันก็มีอาการเจ็บแปลบขึ้นมาที่โคนอวัยวะเพศทันที ไม่ทราบว่ากล้ามเนื้อส่วนนั้นมันอักเสบหรือเปล่าครับ เป็นมาประมาณ 1 เดือนแล้วครับถ้าจับยกขึ้นมาตอนนี้ก็จะมีอาการเจ็บปวดผสมแสบด้วยครับ |
|
อายุ: 37 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 73 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.26 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Oon_*****5 |
22 มกราคม 2562 11:27:04 #2 ล่าสุดจับด้านหลังถุงอัณฑะแล้วรู้สึกปวดครับ นั่งแล้วปวดขึ้นมาเลยครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
23 มกราคม 2562 19:00:40 #3 อาการปัสสาวะอักเสบที่พบได้คือ ปัสสาวะแสบ มีหนองจากท่อปัสสาวะ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณได้หาหมอและตรวจปัสสาวะแล้วไม่พบเชื้อ รวมทั้งได้กินยาแก้อักเสบมาแล้วหลายชนิด แสดงว่าไม่น่าจะมีการอักเสบของท่อปัสสาวะ อาการปวดๆที่โคนอวัยวะเพศและปวดที่ลูกอัณฑะ อาจจะมาจากการกระทบกระเทือนหรือการอักเสบของกล้ามเนื้อจากสาเหตุอื่น เช่น การช่วยตัวเองที่รุนแรงหรือบ่อยเกินไป หรือมีการดึงรั้งของขั้วอัณฑะ หรืออาจจะเกิดจากสภาพจิตใจที่มีความกังวลวิตกว่าจะเป็นโรคต่างๆ แนะนำให้งดกิจกรรมทางเพศ 2 อาทิตย์ ปรับสภาพจิต ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือคุณมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ แนะนำหาหมอครับ |
Oon_*****5 |
24 มกราคม 2562 00:14:54 #4 สภาพจิตใจที่วิตกหรือกังวลทำให้มีอาการเจ็บปวดแสบได้ด้วยเหรอครับคุณหมอ |
Oon_*****5 |
24 มกราคม 2562 00:23:13 #5 ตอนนี้มีกินยา coxaxiliin อยู่คับกินเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอนครั้งละ 2 เม็ด วันแรกที่กินรู้สึกดีขึ้นแต่พอไอบ่อยๆก็กระเทือนเจ็บขึ้นมาแล้วในวันนั้นมีหมากระโดใส่ขาผมเลยตกใจขาไปหนีบโดนแล้วเจ็บหนักขึ้นมาอีกตอนนี้กินยาตัวเดิมก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลยครับ |
Oon_*****5 |
24 มกราคม 2562 00:23:13 #6 ตอนนี้มีกินยา coxaxiliin อยู่คับกินเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอนครั้งละ 2 เม็ด วันแรกที่กินรู้สึกดีขึ้นแต่พอไอบ่อยๆก็กระเทือนเจ็บขึ้นมาแล้วในวันนั้นมีหมากระโดใส่ขาผมเลยตกใจขาไปหนีบโดนแล้วเจ็บหนักขึ้นมาอีกตอนนี้กินยาตัวเดิมก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลยครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
24 มกราคม 2562 19:00:33 #7 ในทางการแพทย์ ความวิตกกังวลหรือสภาพจิตใจที่กลัวว่าจะเป็นโรคอาจทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีความผิดปกติได้ แต่เมื่อตรวจร่างกายหรือตรวจทางห้องแล็บกลับไม่พบความผิดปกติ ถือว่าเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ในกรณีของคุณเนื่องจากได้มีการตรวจแลรักษามาโดยตลอด ผลการตตรวจต่างๆก็ไม่พบความผิดปกติ อาจจะเป็นสาเหตุทางใจได้ การตอบปัญหาจากอาการที่เล่ามาเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลและตอบได้ในบางประเด็นเท่านั้น และเนื่องจากคุณได้พบหมอเป็นประจำอยู่แล้ว แนะนำปรึกษาและรักษาต่อเนื่องครับ |
Oon_*****5