กระดานสุขภาพ

มีตุ่มแดงขึ้นที่ขาหนีบ และที่อัณทะเหมือนแผลถลอก มีน้ำเหลืองด้วย
Stan*****y

16 กันยายน 2561 04:49:26 #1

จากหัวข้อ ผมค่อยข้างอวบๆ ขาก็จะเบียดหน่อย เนื่องด้วยผมไปออกกำลังกายเล็กน้อย แล้วไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนกางเกงใน เพื่อทำงานต่อ จนอีกวันมันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่อัญทะและขาหนีบ กํคิดว่าน่าจะเกิดจากการเสียดสีของกางเกงในด้วยและเหงื่อด้วยเดินต้องถ่างจาเพราะเจ็บมาก ตื่นมาอีกวันช่วงเย็นๆเริ่มมีตุ่มแดงๆจึ้นมา อัญทะก็แดงแสบ ซื้อยาไมด้าบีมาทาก่อนออกไปทำงานพอทุเลาไม่แสบ ทำงานไปคือน้ำเหลืองมันก็จะซึมออกมาเรื่อยๆ ต้องคอยเช็ด และกลับมาบ้านพอตอนอาบน้ำแสบมากก แสบกว่าวันแรก ทายาไมด้าบี วันนี้แสบประมานชั่วโมงนึง นึกว่าจะไม่ได้นอนแล้ว ผมต้องนอนถ่างขาท่าตลอด ปวดเมื่อยนอนไม่ค่อยหลับ อยากทราบว่าอาการแบบนี่เรียกว่าอะไร ต้องรักษาตัวยังไง จะหายนานมั้ย ต้องลางานมั้ยเพราะผมทำงานต้องเดินอยํ่ตลอดเวลา ขอบคุณคับ
อายุ: 29 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

16 กันยายน 2561 18:37:28 #2

  • การที่เป็นแผลที่บริเวณลูกอัณฑะ ขาหนีบตามที่เล่ามา ถ้าไม่มีความเสี่ยง คือยังไม่เคยร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ในกรณีของคุณ อาจจะเกิดจากการเสียดสีกับชุดชั้นในขณะออกกำลัง หรืออาจจะเป็นแผลที่เกิดจากแพ้สารที่ใช้บริเวณนี้ หรือแพ้ยากิน ซึ่งถ้ามีประวัติกินยา เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ ยาชุดจากร้านขายยา ก็อาจจะเป็นจาการแพ้ยา ต้องงดกินยาหรืองดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ลองนึกดูว่าก่อนเป็นได้กินยาอะไรหรือไม่ถ้ามีก็เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากการแพ้ยา ซึ่งลักษณะของแผลแพ้ยาจะคล้ายกับแผลที่โดนน้ำร้อนลวก ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผลเช้าเย็น ใช้ยาทาแก้แพ้ เช่น triamcinolone ทาบางๆ เช้า เย็น กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น ก็จะดีขึ้นใน 1 อาทิตย์ หรืออาจจะเกิดจากเชื้อรา แต่มักจะไม่เฉียบพลัน โดยจะเป็นผื่นแดงแล้วขยายเป็นวงๆหลายวง ไม่ค่อยมีน้ำเหลืองและไม่แสบ เชื้อรา มักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมาก เช่นนักกีฬา หรือคนที่ทำงานกลงแจ้ง ใส่ชุดที่อับชื้น รักษาโดยการใช้ยาทาหรือยากินเชื้อรา เช่น clotrimazoleหรือ Iitraconazole ใช้เวลาประมาณ 4-6 อาทิตย์ ก็จะหาย เมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย เช่นอาบน้ำเช้าเย็น ใส่ชุดชั้นในที่แห้งและสะอาด ถ้าชุดชั้นในอับชื้นหรือมีเหงื่ออก ต้องรับอาบน้ำและเปลี่ยนชุดโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นอีก แต่ถ้าก่อนเป็นคุณมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือ มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง โรคที่พบบ่อยคือ เริม
  • เริม เป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมทางเพศและลักษณะของแผลถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลและให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์และประวัติการกินยาเพิ่มเติมครับ
Stan*****y

17 กันยายน 2561 05:29:14 #3

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Stanggygay-45706.jpg

สองวันที่เริ่มเป็นผมซื้อยา ไมด้าบี มาทา วันละสองครั้ง จากรูปรู้สึกว่ามันมีตุ่มหนองเพิ่มมากขึ้น รบกวนคุณหมอด้วยคับ ผมจะได้ซื้อมาใช้ให้ถูก
Stan*****y

17 กันยายน 2561 05:30:18 #4

Stan*****y

17 กันยายน 2561 05:32:32 #5

ไม่แน่ใจว่าเปิดรูปได้มั้ย อีกลิ้งค์นะคับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Stanggygay-45706.jpg

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

17 กันยายน 2561 15:31:48 #6

เนื่องจากรูปทีส่งมาไม่ค่อยชัด เห็นเป็นกลุ่มของตุ่มหลายตุ่มที่บริเวณขาหนีบทั้งสองข้าง สาเหตุที่แน่นอนคงตอบไม่ได้ อาจจะเกิดจากการแพ้หรือเชื้อราตามที่ได้ตอบไปแล้วหรืออาจจะมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้จากที่เล่ามาว่าอาการปวดเมื่อยก็อาจจะเป็นอาการของเริมได้เช่นเดียวกัน และเนื่องจากอาการค่อนข้างรุนแรง แนะนำหาหมอ คงต้องมีการซักประวัติ ตรวจร่างกายโดยละเอียด และอาจจะต้องมีการตรวจทางห้องแล็บเพิ่มเติมครับ