กระดานสุขภาพ
ขาหนีบและข้างอัณฑะมีตุ่ม | |
---|---|
16 สิงหาคม 2561 16:20:51 #1 ตอนแรกรู้สึกคันบริเวณอัณฑะ แล้วเหมือนผิวหนังหุ้มอัณฑะลอก เลยทาวาสลีนแล้วอาการคันก็หายไป1วัน วันต่อมาก็ไม่ได้ทาวาสลีนแล้วรู้สึกคันเหมือนมีมดกัด แล้วมีตุ่มขึ้นมาตรงข้างขาหนีบที่ติดกับอัณฑะ แต่ยังไม่คัน หลังจากนั้นบริเวณอัณฑะก็มีอาการคัน เลยทา Triamcinolone acetonide แต่ก็ไม่ดีขึ้น ทามาประมาณสองอาทิตย์ ก็ยังมีตุ่มขึ้นเพิ่มและ รู้สึกว่าผิวหนังบริเวณขาหนีบและข้างอัณฑะลอก ตุ่มไม่ตุ่มน้ำเป็นตุ่มเฉยๆลักษณะเหมือนในรูปครับ (ไม่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์) |
|
อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.60 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
CZ60*****9 |
16 สิงหาคม 2561 16:36:13 #2 |
Nong*****g |
18 สิงหาคม 2561 04:58:58 #3
สังคัง
|
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
18 สิงหาคม 2561 05:09:58 #4 ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่ขาหนีบ และมีผื่นเริ่มกระจายออกไปตามข้างขา ลักษณะเป็นการติดเชื้อราหรือที่เรียกว่าสังคัง มักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมาก เช่นนักกีฬา หรือคนที่ทำงานกลงแจ้ง ใส่ชุดที่อับชื้น รักษาโดยการใช้ยาทาหรือยากินเชื้อรา เช่น clotrimazoleหรือ Iitraconazole ใช้เวลาประมาณ 4-6 อาทิตย์ ก็จะหาย เมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย เช่นอาบน้ำเช้าเย็น ใส่ชุดชั้นในที่แห้งและสะอาด ถ้าชุดชั้นในอับชื้นหรือมีเหงื่ออก ต้องรับอาบน้ำและเปลี่ยนชุดโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเป็นอีก โดยสรุป น่าจะเป็นเชื้อรา การทายาที่มีส่วนผสมของสเตียร์รอยด์ทำให้เป็นมากขึ้น แนะนำหาหมอผิวหนัง อาจจะต้องมีการขูดดูผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นเพื่อยืนยันว่าเป็นเชื้อราและการรักษาที่ถูกต้องครับ |
Nong*****g |
19 สิงหาคม 2561 02:41:36 #5
ผลข้างเคียงที่จะเจอกับโรคนี้มีอะไรบ้างคับ ถ้าไม่รักษาหรือเป็นานาน
|
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
20 สิงหาคม 2561 05:13:14 #6 เชื้อราที่ขาหนีบตามที่คุณเป็น ถ้าไม่รักษาก็สามารถที่จะลุกลามไปส่วนอื่นๆของร่างกาย ทำให้มีอาการคันและเกาตลอดเวลา เสียบุคคลิกภาพ เชื้อรานนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ แนะนำหาหมอผิวหนังครับ |
CZ60*****9