กระดานสุขภาพ

หนังหุ้มอวัยวะเพศบวม
Raja*****n

7 มีนาคม 2561 23:47:47 #1

ก่อนนี้ผมมีอาการเจ็บที่เส้นสองสลึง แล้วหาย แล้วมันก็เป็นอีก คราวนี้จู่ๆ ก็ปวดขาหนีบซาย 2-3วันหาย คิดว่าเกิดเกร็งกล้ามเนื้อปกติ แผลไม่ทันจะหาย จู๋มันก็มีแผลใหม่ขึ้นมา คราวนี้ค่อนข้างรุนแรงแผลใหญ่ขึ้น หลายจุด สุดท้ายมาอ่านเจอในเวปว่าอาการตรงกับโรคเริมทุกอย่าง ระหว่างที่ไม่ทราบสาเหตุผมกินยาแก้อักเสบ ทีซีมัยซิน แล้วล้างแผลด้วยน้ำเกลือกับเบตาดีน หลังจากซื้อยา มากินวันที่สองหนังหุ้มมีอาการบวม ไม่รู้ปวดจากการบวม จะเจ็บเพราะมันบวมจนไปกดแผล อยากทราบว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยาที่กินมั้ยครับ (ผมใช้ยา Vilerm 400ml. กับ Acovax cream) เป็นมา 3วันรู้สึกว่าการบวมลดลง แต่ยังบวมอยู่แผลก็ดีขึ้นรอบๆ เหลือที่ยังหายช้ากว่าคือตรงเส้น 2สลึง รุนแรงทุกรอบที่เป็น พอใช้ยารักษาเริม ผมก็งดการใช้ยาแบบตอนแรกที่ไม่รู้สาเหตุไปเลย
อายุ: 42 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.66 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

9 มีนาคม 2561 04:08:16 #2

  • ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน
  • 1. โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น
  • มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง
  • 2. แผลซิฟิลิส หรือแผลริมแข็ง เกิดหลังมีความเสี่ยง 10- 90 วัน แผลจะมีขอบแข็ง ไม่เจ็บ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum รักษาโดยฉีดยา benzathine penicillin 2.4 ล้านยูนิต โรคนี้พบบ่อยในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (เกย์) แต่ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยง เช่น ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่หนังหุ้มบวมหนือเป็นแผลอาจจะเกิดจากการแพ้หรือระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ หรืออาจจะเกิดจากการช่วยตัวเองที่รุนแรงเกินไป ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น โดยสรุป ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นและให้ข้อมูลทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติมด้วยครับ
Raja*****n

15 มีนาคม 2561 04:43:08 #3

แล้วที่เกิดอาการบวมที่หนังหุ้มปลาย.. โดยรอบ มันเกิดจากอะไร  มีธีการรักษาอย่างไรบ้างครับ ไม่พร้อมที่จะรักษาโดยการขลิปปลาย  

นับตั้งแต่วันที่ถามคำภามมา แผลก็อาการดีขึ้น แต่พอแผลหาย อาการบวมที่เหมือนฉีดน้ำหรือของเหล่วเข้าไปในหนังหุ้ม ยังคงบวมอยู่ จนตอนนี้ยังบวมอยู่แต่เพลือเพียงจุดเดียว  รูดเปิดได้ปกติ การบมมันไม่เจ็บหรือปวด แต่รู้สึกเหมือนบริเวณที่บวมจะบางและรับความรู้สึกได้มากกว่าปกติ

รูปอาการปัจุบัน

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Rajataghamoln-42208-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Rajataghamoln-42208-2.jpg

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

16 มีนาคม 2561 05:50:41 #4

การรักษาต้องขึ้นอยู่กับสาเหตุ ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นแต่ภายนอก ไม่เห็นบริเวณที่คุณว่าบวม ถ้าเป็นไปได้ ให้ถ่ายรูปมาให้ดูใหม่ โดยรูดหนังหุ้มให้เปิดและถ่ายให้เห็นบริเวณที่บวม สำหรับเรื่องการขลิบหนังนั้น ถ้าสามารถรูดเปิดได้และไม่ได้มีการรัดของหนังหุ้มในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว ก็อาจจะไม่ต้องขลิบ แนะนำให้หมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะตรวจดูอีกทีครับ

Raja*****n

11 เมษายน 2561 10:34:38 #5

ตอนนี้เครียดมากครับ เพราะที่เข้าใจว่าเป็นแผลเริม แล้วเกิดเป็นซ้ำ จึงกินยาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ (Vilerm 400) แต่จู่ๆ ก็เกิดมีแผลขึ้นมาอีกเร็วแบบไม่ทันตั้งตัว ยอมรับครับว่าก่อนจะเริ่มมีแผลพยายามจะมีเพศสัมพันธ์เพราะคิดว่าแผลหายมา 20วันแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะเหมือนโดนบีบรัดและเจ็บ เลยช่วยตัวเอง โดยส่วนตัวจะเป็นคนทำความสะอาดหลับเสร็จช้า แล้วจะล้างแบบเร็วไม่ ต่อมา 1-2วันเริ่มรู้สึกแสบๆ ตอนทำความสะอาดพบมีแผลเป็นผื่นแดงไม่เจ็บแต่แสบ พอวันต่อมามันอักเสบแผลขยายใหญ่ขึ้น มีหนองที่ตรงกลางแผล คราวนี้เรามีอาการปวดแผล หนังหุ้มปลายรัดจนรูดไม่ได้ วันที่ 3-4 มีหนองไหลต้องเช็ดออกด้วยสำลีชุบน้ำเกลือ ด้วยความที่กลัวญาติที่ทำงานที่ รพ.ทราบจึงไมากล้าไปหาหมอ เครียดครับ ยอมรับว่ากังวลมาก ไปถึงติดเชื้ออย่างอื่น อยู่ระหว่างทำใจก่อนตรวจ อยากจะให้แผลหายก่อน แก้เป็นเรื่องๆ รบกวนคุณหมอช่วยให้คำปรึกษาด้วยครับ เพราะสุดท้ายต้องยอมรับความจริงให้ได้ แต่มันทำใจยากจริง แล้วผมจะหาวิธีอัพรูปที่ชัดที่สุดมาเพื่อพิจารณาให้คำปรึกษา
Raja*****n

11 เมษายน 2561 11:24:19 #6

https://www.img.in.th/image/Vr4LRv https://www.img.in.th/image/Vr4vEp https://www.img.in.th/image/Vr4yHc ก่อนจะเป็นแผลครั้งนี้ 2 วันผมมีกินยากลุ่ม tetracycline คือ ฮีโร่มันซินไป 2เม็ด แล้วหยุดกินไป จึงเริ่มมีแผล บางวันบวมจนเปิดไม่ได้เลย ตอนฉี่แรกๆ จะปวดมาก แล้วแสบแผลมากจนตัวบิดตอนนี้ฉี่น้อยลงมากไม่ปวด แต่ยังแสบเวลาฉี่โดนแผล ตั้งแต่เริ่มเกิดอาการจนถึงตอนนี้ 12 วัน อาการคราวนี้ตรงกับอาการแผลริมอ่อนมาก ผมจึงหยุดกินยา Vilerm400 แล้วกินยา Azithromycin 1000mg. ไปเมืีอ 5 วันที่แล้ว อาการดีขึ้นเล็กน้อย แผลแดงๆ เริ่มนูนสูงขึ้น มีแผลใหญ่สุดที่ยังมีหนองที่กลางแผล จะเจ็บเวลาสัมผัสโดน รู้สึกคันรอบหนังด้านนอก อาจเพราะมันบวมแล้วเหมือนผิวหนังจะปริ เลยใช้ Genta-Benasone ทา หายคันไปได้สักพัก ผมต้องล้างเอาหนองออกแล้วซับด้วยสำลีชุบน้ำเกลือหมาดได้ แล้วถึงซับให้แห้ง ทุกๆ 2 ชม. ไม่งั้นจะคันจนทนไม่ไหว