กระดานสุขภาพ
เป็นไปได้ไหมครับ | |
---|---|
15 กุมภาพันธ์ 2561 10:13:13 #1 สวัสดีครับ |
|
อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 95 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 29.98 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
16 กุมภาพันธ์ 2561 16:12:21 #2 เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน ส่วนประเด็นที่ถามว่าใครเป็นฝ่ายติดเชื้อให้ใคร หรือติดเชื้อจากใคร คงจะตอบแน่ชัดไม่ได้ ถ้าคุณแน่ใจว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นเลยตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม ก็้ไม่น่าจะเป็นเริมมาก่อน แต่ถ้าก่อนที่คุณจะมีแฟนคนนี้ คุณเคยมีการร่วมเพศหรือการทำออรัลเซ็กส์มาก่อนโดยไม่ได้ใช้ถุงยางทุกครั้ง. คุณก็อาจจะมีโอกาสติดเชื้อเริมมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้ โดยสรุป เริมติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ส่วนใครจะจิดให้ใครขึ้นอยู่กับประวัติพฤติกรรมทางเพศที่ผ่านมาครับ |
O3er*****o