กระดานสุขภาพ
เป็นแผลร้อนใน+คันที่อวัยวะเพศ ผมเป็นอะไรเหรอครับ? | |
---|---|
22 พฤศจิกายน 2560 02:14:48 #1 สวัสดีครับ เริ่มแรกอาการช่วงแรก ยังมีแค่อาการคันบริเวณใต้ถุงอัณฑะ บริเวณฝีเย็บครับ ต่อมาเผลอใช้ซีม่าโลชั่น (ซึ่งมีส่วนผสมน้ำกรด) ทาลงบริเวณที่คันและรอบๆ ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง เกิดเป็นแผลร้อนในขึ้นมาหลายจุด จนเกิดอาการอับชื้นร่วม คือ มีตุ่มขึ้นบริเวณรอบๆใกล้ๆขาหนีบด้วยคล้ายๆกับเป็นสังคัง และจะมีน้ำ (เข้าใจว่าเป็นเหงื่อ) ขึ้นมาด้วยเยอะมากจนกระทั่งเปียกชื้นที่บริเวณเป้ากางเกงในทุกวัน ช่วงแรกเริ่ม แผลจะ ต่อมาลองใช้ซีม่าครีมกับ Counterpain Cold ร่วม จนอาการดีขึ้นบ้างแล้วแต่ยังไม่หายขาด รบกวนช่วยวินิจฉัยด้วยครับว่าผมเป็นอะไรกันแน่ เพราะเหมือนเป็นอาการแทรกซ้อนมาก ขอบคุณครับ |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.86 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Anonymous |
22 พฤศจิกายน 2560 02:16:52 #2 แก้ไขนิดนึงครับ # *ช่วงแรกเริ่ม น้ำจะออกทางแผลมากจนกระทั่งเปียกชื้นและเปลี่ยนกางเกงในบ่อยๆ* |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
22 พฤศจิกายน 2560 13:48:54 #3 จากอาการที่เล่ามา ถ้าก่อนเป็นคุณไม่ได้มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือไม่ได้เที่ยวผู้หญิงหรือเที่ยวแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ สาเหตุุน่าจะมาจากการแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้หรือมาสัมผัสบริเวณนี้ในกรณีของคุณที่ใช้ซีม่า อาจจะทำให้เป็นแผลได้ ทำให้เกิดอาการคัน เมื่อเกาหรือถูแรงๆ ก็จะทำให้มีอาการบวมแดง และเมื่อเกามากขึ้น ก็จะยิ่งบวมและหนังจะหนาขึ้นด้วย คงต้องงดใช้สิ่งที่สงสัยว่าจะแพ้ รวมทั้งงดใส่ชุดที่รัดมากๆหรืออับมากๆ กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น ทายาแก้แพ้ เช่น betamethasone น่าจะดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ เมื่อดีขึ้นล้วต้องระวังอย่าให้สัมผัสของที่แพ้อีก เพราะจะเป็นมากขึ้น หรือแพ้ยากิน ซึ่งถ้ามีประวัติกินยา เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ ยาชุดจากร้านขายยา ก็อาจจะเป็นจาการแพ้ยา ต้องงดกินยาหรืองดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ลองนึกดูว่าก่อนเป็นได้กินยาอะไรหรือไม่ถ้ามีก็เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากการแพ้ยา ซึ่งลักษณะของแผลแพ้ยาจะคล้ายกับแผลที่โดนน้ำร้อนลวก อีกโรคที่ต้องระวัง คือเชื้อรา ซึ่งมักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมา เช่น นักกีฬา หรือทำงานนอกบ้าน กรรมกร |
Anonymous |
22 พฤศจิกายน 2560 22:57:45 #4 ขอบพระคุณมากครับที่ช่วยแสดงความคิดเห็นให้ครับ # ขอชี้แจงครับว่าตัวเองไม่เคยแพ้สารใดๆเลยครับ เพราะกางเกงในที่ใส่อยู่ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นปัญหาสุขอนามัยเองครับ เพราะตัวผมไม่ค่อยอาบน้ำ อาบวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 20-24+ ชั่วโมง ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นสังคังครับ อาการเริ่มแรกก่อนใช้ซีม่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากคันอย่างเดียวครับ เกาแล้วคันและเกิดความรู้สึกต้องเกาอีกจนต้องเกาแรงๆน่ะครับ และก็ไม่ได้ลุกลามไปไหนเลยนอกจากแค่บริเวณใต้ถุงอัณฑะครับ พอใช้ซีม่าแล้ว ทำให้ผิวหนังเกิดลอกและลุกลามไปส่วนอื่นด้วยครับ # ส่วนประวัติการใช้ยาและเพศสัมพันธ์ ไม่เคยมีครับในช่วงนั้น ความจริงก็คือ นอกจากยาพาราเซตามอลแล้ว ผมไม่เคยกินยาตัวไหนเลยในเวลา 5 ปีที่ผ่านมาครับ ส่วนเพศสัมพันธ์ ไม่เคยมีครับ |
Anonymous |
23 พฤศจิกายน 2560 01:26:19 #5 ภาพอาจจะไม่ชัดนะครับ ขออภัยด้วย # http://haamor.com/media/images/webboardpics/382b4-39999-1.jpg http://haamor.com/media/images/webboardpics/382b4-39999-2.jpg |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
23 พฤศจิกายน 2560 12:07:44 #6 รูปที่ส่งมาไม่ค่อยชัด แต่จากประวัติที่เล่าเพิ่มเติม สาเหตุน่าจะมาจากการแพ้ยาซีม่า แนะนำให้งดใช้เลย ใช้น้ำเกลือล้างแผลที่ซื้อตามร้านขายยา ล้างแผลเช้าเย็น ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้และเชื้อรา เช่น triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ กินยาแก้แพแก้คันเช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้าเย็น น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นหรือไม่แน่ใจแนะนำหาครับ |
Anonymous |
24 พฤศจิกายน 2560 08:43:48 #7 ขอบคุณครับ จะทำตามนะครับ # แต่ขอเปลี่ยนจากเกลือเป็นแอลกอฮอล์ได้ไหมครับ? |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
24 พฤศจิกายน 2560 19:17:53 #8 เนื่องจากผิวบริเวณนี้ค่อนข้างบอบบาง แอลกอฮอล์จะทำให้แพ้ได้ หนังจะแห้งและแดงอักเสบได้ แนะนำน้ำเกลือล้างแผลหรือน้ำธรรมดาก็ได้ครับ ไม่ควรใช้ยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์ครับ |
Anonymous |
26 พฤศจิกายน 2560 19:16:37 #9 ขอบพระคุณมากครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วครับ |
Anonymous