กระดานสุขภาพ

ตุ่มแดงๆที่โคนอวัยวะเพศ
Anonymous

27 ตุลาคม 2560 04:11:35 #1

มีตุ่มสีแดง สีขาวใส มีอาการคันเวลาสัมผัส มีประมาณ2-3 จุด ผมอยากทราบว่ามันร้ายแรงไหมครับ
อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

29 ตุลาคม 2560 19:00:31 #2

ตุ่มที่เกิดขึ้นที่บริเวณโคนอวัยวะเพศ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ยังไม่เคยร่วมเพศหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ อาจจะเกิดจาก 1. การอักเสบของต่อมใต้ผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว ให้กินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอนประมาณ 2 อาทิตย์ 2. ซีสต์หรือถุงน้ำหรือถุงไขมันใต้ผิวหนัง ถ้าไม่เจ็บ ไม่มีเลือดออกหรือไม่มีการอักเสบ ก็ไม่ต้องทำอะไร อาจจะยุบเองได้ แต่ถ้าใหญ่ขึ้น เจ็บ อักเสบ อาจจะต้องเลาะออก 3. โรคผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ เกา จนเป็นตุ่ม หรือโรคผิวหนังอื่นๆ แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัยก็อาจจะเป็นโรคติดต่อ ที่พบบ่อยคือเริม เริม เป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมทางเพศและลักษณะของแผลถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลและให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์และประวัติการกินยาเพิ่มเติมครับ