กระดานสุขภาพ
มีตุ่มในรูทวาร | |
---|---|
26 กรกฎาคม 2560 14:48:49 #1 ผมเคยมีเพศสัมพันทางด้านหลัง 1 ครั้งครับ เป็นครับแรก หลังจากนั้นผมเจ็บมากครับ เหมือนมันฉีก แต่ไม่มีเลือดออกมานะครับ ผมถ่ายไม่ค่อยได้ เพราะเจ็บมากครับ จากนั้นมาเรื่อยๆ ผมก็รู้สึกคันอยู่ตลอดเลยครับ ผมคิดว่าแผลกำลังหาย เมื่อประมาณเดือนก่อน ผมลองเอานิ้วสอดเข้าไป พบว่ามีเป็นตุ่มอยู่ข้างใน ทางขวามือ3ตุ่มติดกัน ซ้ายมืออีก 1 ตุ่มครับ เวลาปกติไม่เจ็บครับ แต่ถ้ากด ก็จะปวดๆครับ ผมเคยใช้เล็บขูดครับ มีเป็นเมือก และมีตุ่มนึงที่เลือดออกมาครับ จนเมื่ออาทิตย์ก่อน เริ่มมีอาการ ท้องเสีย สลับกับท้องอืดครับ ผมไม่ได้ไปหาหมอเพราะติดสอบด้วยครับ กิจกรรมอีก ผมเลยมาถามคุณหมอก่อนครับ อันนี้เป็นรูปที่ผมแกะออกมา แล้วเป็นเมือกครับ ตอนนี้เหมือนตุ่มจะใหญ่ขึ้นครับ รู้สึกได้เวลาถ่ายครับ ว่ามีตุ่ม แต่รู้สึกไม่มา ละอุจจาระก็ก้อนเล็กลงครับ |
|
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.65 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
28 กรกฎาคม 2560 02:54:10 #2 ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นเมือกขาวๆขุ่นๆ จากประวัติที่มีการสอดใส่ทางทวารหนักโดยไม่ได้ใช้ถุงยาง ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วอาการที่เล่าม คงยังตอบไม่ได้ว่าเป็นอะไร อาจจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม โรคที่พบบ่อยคือ มีการติดเชื้อหนองในหรือหนองในเทียม ซึ่งอาจจะทำให้มีเมือกหรือหนองปนมาเวลาถ่ายอุจจาระ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไป หนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ส่วนเรื่องแผลที่พบได้คือ 1. โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเอง หรืออาจจะเป็น แผลซิฟิลิส หรือแผลริมแข็ง เกิดหลังมีความเสี่ยง 10- 90 วัน แผลจะมีขอบแข็ง ไม่เจ็บ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum รักษาโดยฉีดยา benzathine penicillin 2.4 ล้านยูนิต โรคนี้พบบ่อยในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (เกย์) โดยสรุป แนะนำหาหมอ และควรตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิสโดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจรคับ |
Anonymous