กระดานสุขภาพ
ต่อมลูกหมากอักเสบ ปรึกษาเรื่องทานยาครับ | |
---|---|
16 พฤษภาคม 2560 11:44:20 #1 สวัสดีครับคุณหมอผมมีเรื่องอยากถามครับ ผมเคยเป็นต่อมลูกหมากอักเสบมาก่อน ครั้งแรกที่คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็น ผมมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นประมาณ 8เดือน คุณหมอบอกว่ามันอาจมีเชื้ออยู่แล้วพึ่งแสดงอาการ หลังจากนั้นผมก็รักษามาจนดีขึ้น จะมีปวดแบบจุกๆแถวเชิงกราน บ้างเล็กน้อย นานๆปวดที
ผ่านไป3-4 เดือนผมเรื่มมาปวดใหม่ โดยเริ่มจากปวดแถวๆเชิงกรานก่อน แล้วลามมาปวดตรงปลายอวัยวะเพศ และ ปวดตรงโคนอวัยวะเพศใต้ไข่ (ตรงก้านมันน่ะครับ) ก็ไปหาหมอ ได้ทาน Levoflox + doxycycline 3 อาทิตย์ + ฉีดยา 1 เข็ม ช่วงที่ทานก็รู้สึกดีขึ้น แต่มันยังไม่หาย บางวันปวด บางวันไม่ปวด ก็ไปหาหมออีก ทีนี้หมอ(คนที่1)ให้หยุดทานยา เพราะหมอบอกว่าถ้ามีเชื้อ เชื้อน่าจะหมดไปแล้ว หมอให้ยาแก้ปวดมาทานแทน พร้อมส่งต่อให้หมอ(คนที่ 2) ซึ่งเค้าเป็นหมอฉพาะทาง หมอเค้าคลำอัณฑะผมปรากฏว่ามีเส้นเลือดขอดเหนืออัณฑะ ด้วย แนวที่ผมปวดแถวๆขาหนีบ มาถึงเชิงกราน หมอเค้าบอกว่าอันนี้อาจเกี่ยวด้วย และลงความเห็นเหมือนกันว่า ไม่ควรทานยาต่อเพราะถ้ามีเชื้อ เชื้อน่าจะหมดไปแล้ว (พูดเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย) คำถามคือ 1. ผมควรหยุดทานยาจริงๆใช่ไหมครับ เพราะว่าหยุดยาแล้วรู้สึกปวดถี่ขึ้น 2. ถ้าไม่ควรหยุด ตอนนี้ผมมี *** กับ *** อยู่ผมกินได้ไหม 3. ผมปวดตรงปลายและท่อปัสสาวะด้วย มันคืออาการของต่อมลูกหมากอักเสบใช่ไหมครับ 4. ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เส้นเลือดขอดตรงอัณฑะนี่เกี่ยวไหมครับ สังเกตดูช่วงนี้อสุจิผมข้นและเหนียวมาก
ขอบคุณครับ
|
|
อายุ: 37 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 68 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.98 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
18 พฤษภาคม 2560 06:24:03 #2 อาการที่เล่ามาอาจจะเป็นอาการของต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาการของผู้ป่วยแต่ละคนจะไม่ค่อยเหมือนกัน อาการต่างๆที่พบได้คือ จะมีประวัติการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเป็นๆหายๆ ปัสสาวะบ่อย อั้นปัสสาวะไม่ได้ ปวดบริเวณอัณฑะและอวัยวะเพศ จะปวดเวลาหลั่งน้ำอสุจิหรือปัสสาวะมีเลือดปน หรือปัสสาวะเล็ดเป็นต้น สามารถวินิจฉัยโดยการตรวจต่อมลูกหมากทางทางทวารหนัก และนวดต่อมลูกหมากเพื่อนำสารหลังไปตรวจซึ่งจะพบเม็ดเลือดขาวมาก และเพาะเชื้อพบเชื้อแบคทีเรีย สำหรับการรักษานั้น เนื่องจากยาจะเข้าต่อมลูกหมากได้ไม่ดีดังนั้นการให้ยาอาจจะต้องให้ยา 2-3 เดือน แม้ว่าบางครั้งอาจจะฆ่าเชื้อไดไม่หมดก็อาจจะให้ยาปฏิชีวนะขนาดต่ำเพื่อป้องกันการเกิดอาการ ยาที่นิยมใช้คือtrimethoprim-sulfamethoxazole และ fluoroquinolones กรณีของคุณได้หาหมอเฉพาะโรคทางเดินปัสสสาวะและระบบสืบพันธ์ และได้กินยาฆ่าเชื้อมาหลายชนิด และแพทย์ลงความเห็นว่าเชื้อน่าจะตายหมด ถ้าคุณไม่ได้มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์หรือไม่ได้มีการติดเชื้อใหม่ ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องกินยาแก้อักเสบเพิ่มเติม แนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลอย่างต่อเนื่องครับ |
Anonymous |
18 พฤษภาคม 2560 09:02:02 #3
ขอบคุณครับคุณหมอ ถามอีกนิดได้ไหมครับ
ระหว่างนั้นอาทิตย์ที่2ที่ผมมีอาการ ผมรู้สึกหนักใต้คอ ล่างใบหู และ กราม (ตอนนี้อาการหายไปเยอะแล้ว เหลือแต่ตรงด้านล่างใบหู) ผมได้ถามหมอแล้วเค้าบอกว่าไม่เกี่ยว แต่ผมคิดว่ามันเกี่ยว เพราะอาการมันมาใกล้กัน อยากถามคุณหมออีกครั้งว่า มันเกี่ยวกันไหมครับ คือผมกลัวว่าเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด บลาๆๆ น่ะครับ
ขอบคุณคุณหมออีกครั้งครับ
|
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
6 มิถุนายน 2560 04:16:46 #4 อาการที่เป็นบริเวณใต้คอ หู และ กรามนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอาการของต่อมลูกหมากอักเสบ อาจจะเกิดจากความเครียดหรือความกังวล สำหรับเรื่องการติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก และจะมีิาการรุนแรง เช่น ไข้สูงหนาวสั่น ไม่รู้สึกตัว การทำงานของอวัยวะภายในล้มเหว เป็นต้น โดยสรุป ไม่ต้องกังวลครับ |
Anonymous