โรคผิวหนังที่มีอาการคัน เกาจนเป็นแผล เป็นๆหายๆที่บริเวณอวัยวะเพศและลูกอัณฑะตามที่เล่ามา สาเหตุ

1. การแพ้ เช่นแพ้สารที่ใช้หรือสัมผัส ทำให้มีอาการคัน เมื่อเหาจะบวมและอักเสบจนกลายเป็นแผล แห้งเป็นสะเก็ดหรือลอกเป็นแผ่นๆ รักษาโดยการงดใช้สารที่สงสัยว่าจแพ้ เช่น สบู่ยาน้ำยาต่างๆ กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น ล้างแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผลที่ซื้อจากร้านขายยา ทายาแก้แพ้ เช่น Betamathasone เช้า เย็น เมื่อหายแล้วต้องระวังอย่าให้สัมผัสสารที่สงสัยว่าจะแพ้ เพราะจะเป็นอีก หรือมีอาการคัน พยายามอย่าเกาและรีบกินยาแลทายา

2. เชื้อรา มักจะเป็นในคนที่มีเหงื่อมาก จเป็นวงแดงๆและขยายกว้างออก ผิวหนังลอกเป็นแผ่นๆ ถ้าเกามากก็จะเป็นแผล รักษาโดยการทาหรือกอนยาเชื้อรา เช่น clotrimazloe เมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย ใส่กางเกงในที่สะอาดะแห้ง ถ้าชื้นหรืออับเหงื่อ ต้องรีบอาบน้ำและเปลี่ยนชุด ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นหายๆ

3. เป็นทั้งแพ้และเชื้อรา

4. โรคผิวหนังอื่นๆ เช่น ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศ ก็อาจจะเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต รักษาโดยใช้ยา aciclovir 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ หรืออาการที่เล่ามาอาจจะเป็นผื่นของซิฟิลิสระยะที่สอง ซึ่งพบได้บ่อยในชายรักร่วมเพศหรือเกย์โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของผื่นที่เป็น แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นและให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ