กระดานสุขภาพ
ช่วยประเมินทีครับ | |
---|---|
15 มีนาคม 2560 12:36:24 #1 คือผมมีอะไรกับแฟนทางรูทวารครับ มีอาการเจ็บรูทวารนิดหน่อยครับประมาณ 1 อาทิตย์ พอไปกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รู้สึกเจ็บรอบรูทวารขึ้นมากว่าเดิมครับ(เวลาเดินหรือนั่งรู้สึกเจ็บ) และมีมูกขาวปนมากับอุจจาระพร้อมมีอาการปวดเบ่ง จึงไปร้านขายยาให้ยาทามา หายเจ็บครอบทวารแต่เวลาถ่ายยังรู้สึกเจ็บ แต่มูกกับอาการปวดเบ่งยังไม่หายไปครับ และเวลาปวดอุจจาระมักจะอั้นไม่ได้เพราะรู้สึกเจ็บด้านในรูทวารครับ อย่างงี้ใช้ติดเชื้อทางเดินอาหารไหมครับ |
|
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 176ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.46 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Jooo*****y |
18 มีนาคม 2560 13:06:14 #2 |
Jooo*****y |
18 มีนาคม 2560 13:08:40 #3 อันนี้รู้ มีรูปให้ดูครับรู้สึกมีตุ่มเล็กๆขาวๆขึ้น 1 เม็ด ถือว่าผิดปกติไหมครับ http://haamor.com/media/images/webboardpics/jooon-ly-35596-1.jpg http://haamor.com/media/images/webboardpics/jooon-ly-35596-2.jpg http://haamor.com/media/images/webboardpics/jooon-ly-35596-3.jpg |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
20 มีนาคม 2560 05:32:00 #4 การที่มีการสอดใส่ทางทวารหนักโดยไม่ใส่ถุงยาง ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการมีมูกปนหนอง ปวดถ่วงๆที่ทวารหนัก ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่รวมทั้งแฟนประจำด้วยครับ นอกจากนี้ยังพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน ส่วนรูปที่ส่งมาไม่ค่อยชัด เห็นคล้ายแผลหรือมีส่นที่เป็นติ่งๆด้วย สำหรับแผล โรคที่พบบ่อยคือเริมจากเชื้อไวรัส Herpes simplex ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ส่วนติ่งเนืออาจจะเป็นหูดหงอนไก่ รักษาโดยการจี้ยาให้หลุด โดยสรุป แนะนำหาหมอ และควรจะตรวจเลือดเอดส์และซิฟิลิส เพราะมีการศึกษาพบว่าเกย์มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าชายทั่วไปหลายเท่าครับ |
Jooo*****y