http://haamor.com/media/images/webboardpics/KR000-33326.jpg

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นที่บริเวณอวัยวะเพศ ขอบของผื่นดูเหมือนจะนูนและเป็นตุ่มเล็กๆรอบๆ ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็อาจจะเป็นโรคผิวหนัง สาเหตุุ เช่น 1. เชื้อรา ซึ่งมักจะพบในคนที่มีเหงื่อออกมา เช่น นักกีฬา หรือทำงานนอกบ้าน กรรมกร หรือใช้แรงงาน ทำให้มีเหงื่อออกมาก ชุดที่ใส่อับชื้น ในกรณีนี้ ต้องใช้ยาเชื้อรา เช่น clotromazole ทาหรือกินด้วยและเมื่อหายแล้วต้องระวังเรื่องสุขอนามัย ไม่ใส่ชุดที่อับชื้น เพราะจะเป็นอีกได้ง่าย 2. มาจากการแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้หรือมาสัมผัสบริเวณนี้ ทำให้เกิดอาการคัน เมื่อเกาหรือถูแรงๆ ก็จะทำให้มีอาการบวมแดง ให้กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 ทิลลิกรัม เช้า เย็น ทายาแก้แพ้ เช่น betamethasone น่าจะดีขึ้นใน 1-2 อาทิตย์ เมื่อดีขึ้นล้วต้องระวังอย่าให้สัมผัสของที่แพ้อีก เพราะจะเป็นมากขึ้น 3. โรคผิวหนังอื่นๆ แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง ก็อาจจะเป็นโรคติดต่อ เช่น เริม ซึ่งถ้าเป็นเริม
รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ
เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน
ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต รักษาโดยใช้ยา aciclovir
200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน ดูจากรูปไม่ได้เป็นแผล ก็อาจจะไม่ใช่เริม ส่วนอีกโรคที่พบได้ คือเป็นรอยโรคของซิฟิลิสระยะที่สอง ที่จะมีผื่นขึ้นตามตัว แขนขา ฦ่ามือฝ่าเท้า และอาจจะมีที่อวัยวะเพศได้ แต่จะพบได้บ่อยในชายรักร่วมเพศ (เกย์) โดยสรุป ขึ้นกับความเสี่ยง ถ้าไม่มีความเสี่ยง น่าจะเป็นโรคผิวหนังดังกล่าวมาแล้ว แนะนำหาหมอครับ
อีกโรคที่ต้องระวังโดยสรุป น่าจะแพ้และอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำหาหมอผิวหนัง อาจจะต้องขูดผิวหนังไปตรวจดูว่ามีเชื้อราหรือไม่

อาการตอนนี้ คือ รอยแดงบริเวณขอบนั้นแห้งและตกสะเก็ดแล้วครับ ไม่รู้สึกเจ็บบริเวณเมื่อสัมผัส แต่ผมไม่ได้ใช้ยาใดๆ เลยนะครับ เพียงแค่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ 

ขอขอบคุณ คูณหมอ อนุพงศ์ ชิตวรากร ที่เสียสละเวลามาให้คำปรึกษาแก่ผม และผมจะค่อยระวังเรื่องสุขอนามัยครับ